ในช่วงเวลาเกิดเหตุผู้ตายเดินถือมีดของกลางเข้าหาจำเลยในลักษณะมีเจตนาจะใช้มีดเป็นอาวุธแทงประทุษร้ายจำเลย อันเป็นการละเมิดต่อกฎหมายและเป็นอันตรายที่ใกล้จะถึง จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อป้องกันตนเองได้ ซึ่งการที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย ๒ นัด โดยถูกผู้ตายบริเวณต้นขาขวาทั้งสองนัดในขณะที่ผู้ตายมีอาการเมาสุราและผู้ตายมีอายุมากกว่าจำเลย นับว่าน่าจะหยุดยั้งการกระทำของผู้ตายได้แล้ว การที่จำเลยยังเลือกยิงผู้ตายอีก ๑ นัด ถูกบริเวณหน้าอกอันเป็นอวัยวะสำคัญจนผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ ไม่เป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ แต่เป็นการป้องกันเกินกว่ากรณีแห่งความจำต้องกระทำเพื่อป้องกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๙
ข้อสังเกต
- ในช่วงเวลาเกิดเหตุผู้ตายเดินถือมีดของกลางเข้าหาจำเลยในลักษณะมีเจตนาจะใช้มีดเป็นอาวุธแทงประทุษร้ายจำเลย
อันเป็นการละเมิดต่อกฎหมายและเป็นอันตรายที่ใกล้จะถึง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา
๖๘
- การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย
๒ นัด โดยถูกผู้ตายบริเวณต้นขาขวาทั้งสองนัดในขณะที่ผู้ตายมีอาการเมาสุราและผู้ตายมีอายุมากกว่าจำเลย
นับว่าน่าจะหยุดยั้งการกระทำของผู้ตายได้แล้ว
ถ้าแค่นี้ถือเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
โจทก์ฟ้องว่า
จำเลยโดยมีเจตนาฆ่า ใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงผู้ตาย ๓ นัด
กระสุนปืนถูกบริเวณต้นขาขวา และบริเวณหน้าอกด้านซ้ายทะลุถูกลำไส้ภายในฉีกขาด
เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย
จำเลยให้การ
ข้อหาฆ่าผู้อื่นให้การต่อสู้อ้างเหตุป้องกัน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า
จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ฐานฆ่าผู้อื่นจำคุก ๒๐ ปี
คำให้การและทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา
มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๑๓ ปี ๔
เดือน
จำเลยอุทธรณ์
จำเลยฎีกา
๑.จากการตรวจสถานที่เกิดเหตุของร้อยตำรวจโท
ธ.
ที่กระทำร่วมกับผู้บังคับบัญชาซึ่งเป็นนายตำรวจระดับสูงและไม่ปรากฏข้อพิรุธว่ามีการสร้างพยานหลักฐานขึ้นใหม่หรือบิดเบือนพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ
ทำให้เชื่อได้ว่าพยานหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุอยู่ในตำแหน่งที่ตรงตามความเป็นจริง
๒.พบผู้ตายถูกยิงนอนหงายอยู่หน้าประตูบ้านที่เกิดเหตุและในมือขวาของผู้ตายกำมีดอยู่
ศาลฎีกาพิพากษาว่า
จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ประกอบมาตรา ๖๙ จำคุก ๔ ปี จำเลยนำสืบเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา
มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๓ ปี....................(
ตาม ป.อ.มาตรา ๖๙ ซึ่งศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้
)
การป้องกันเกินกว่ากรณีแห่งความจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน
การป้องกันตามมาตรา ๖๙ เป็นการป้องกันที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ซึ่งมี ๒ กรณี ได้แก่ ๑.การป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ ๒. การป้องกันเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน
การป้องกันเกินกว่ากรณีแห่งความจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน
หมายถึง
เป็นการกระทำโดยเจตนาพิเศษเพื่อป้องกันสิทธิต่อภยันตรายที่ยังอยู่ห่างไกลหรือต่อภยันตรายที่ผ่านพ้นไปแล้ว
( อ้างอิง เกียรติขจร วัจนะสวัสดิ์. คำอธิบายกฎหมายอาญา ภาค ๑ บทบัญญัติทั่วไป
ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๑๐ แก้ไขเพิ่มเติม. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์ พลสยาม พริ้นติ้ง ประเทศไทย, ๒๕๕๑. ) ในตำราของ
ดร.เกียรติขจร ดังกล่าว อ้างอิงบันทึกท้ายฎีกาของศาสตราจารย์จิตติ ติงศภัทิย์
ในฎีกาที่ ๗๘๒/๒๕๒๐ ว่า “...ยังไม่ทันถึงขั้นต้องป้องกันก็ยิง
หรือเลยขั้นที่จำต้องป้องกันแล้วก็ยังยิง จึงเป็นเรื่องทำเกินกว่าที่จำต้องทำเพื่อป้องกัน...”
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๖๘ ผู้ใดจำต้องกระทำการใดเพื่อป้องกันสิทธิของตนหรือของผู้อื่นให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย
และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ถ้าได้กระทำพอสมควรแก่เหตุ
การกระทำนั้นเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นไม่มีความผิด
มาตรา ๖๙ ในกรณีที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๖๗ และมาตรา ๖๘ นั้น
ถ้าผู้กระทำได้กระทำไปเกินสมควรแก่เหตุ หรือเกินกว่ากรณีแห่งความจำเป็น
หรือเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน ศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้
แต่ถ้าการกระทำนั้นเกิดขึ้นจากความตื่นเต้น ความตกใจ หรือความกลัว
ศาลจะไม่ลงโทษผู้กระทำก็ได้
มาตรา ๒๘๘ ผู้ใดฆ่าผู้อื่น ต้องระวางโทษประหารชีวิต
จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี
0 Comments
แสดงความคิดเห็น