คำพิพากษาฎีกาที่ ๖๙๔๑/๒๕๖๑ 
               โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งเจ็ดร่วมกันขุดเอาหน้าดินของโจทก์ร่วมซึ่งมีสภาพเป็นดินลูกรังไปเพื่อใช้ในการถมก่อสร้างคันกั้นน้ำ และมีคำขอให้จำเลยทั้งเจ็ดร่วมกันคืนดิน หากคืนไม่ได้ให้ชดใช้ราคา เป็นคำฟ้องใช้สิทธิเรียกร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๓๖ ในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ในตัวทรัพย์ที่จะเรียกร้องจากผู้เอาทรัพย์ไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและติดตามเอาทรัพย์คืนและหากคืนไม่ได้ผู้ที่เอาทรัพย์นั้นไปก็ต้องชดใช้ราคาอันเป็นการใช้สิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๓๖ ในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ติดตามเอาคืนทรัพย์สินจากผู้ยึดถือโดยไม่มีสิทธิยึดถือ มิใช่ฟ้องเรียกค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดซึ่งมีอายุความ ๑ ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๔๘ ฟ้องโจทก์ไม่ขาดอายุความ
                โจทก์บรรยายฟ้องและมีคำขอท้ายฟ้องว่า โจทก์ในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ใช้สิทธิติดตามเอาทรัพย์คืน หากคืนไม่ได้ให้ชดใช้ราคา เช่นนี้คำฟ้องและคำขอจึงเป็นเรื่องการให้คืนทรัพย์หรือชดใช้ราคา ไม่ใช่เรื่องการบรรยายฟ้องและคำขอเรื่องค่าเสียหาย จึงไม่มีประเด็นเรื่องของค่าเสียหายที่จะต้องวินิจฉัยและการชดใช้ราคาจะต้องกำหนดตามราคาของทรัพย์คือราคาซื้อขายดินลูกรังที่เป็นอยู่ในขณะเกิดเหตุนั้น ไม่ใช่การกำหนดค่าเสียหายที่อาจจะมีมากกว่าการกำหนดเฉพาะราคา

ข้อเท็จจริง
                โจทก์ คือสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
                จำเลยที่ ๑ เป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัด จำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๔ เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ จำเลยที่ ๕ ถึงที่ ๗ เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ ๑
                จำเลยที่ ๑ ตกลงซื้อหน้าดินของ จ. และทำสัญญาซื้อขายดินถมกับสัญญาให้ปรับสภาพที่ดินของ อ. กับ ด. โดยจำเลยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำหน้าดินที่ได้ไปถมในการก่อสร้างโครงการก่อสร้างคันกั้นน้ำ
                จำเลยที่ ๕ ถึงที่ ๗ ร่วมกันใช้รถขุดตัก ๓ คัน บุกรุก รุกล้ำเข้าไปในที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมโจทก์
                โจทก์มีคำขอในฟ้องให้จำเลยทั้งเจ็ดคืนดินลูกรังหรือใช้ราคา
                จำเลยเอาเนื้อดินของโจทก์ไปจำนวนปริมาตรรวม ๑๐๘,๙๗๖ ลูกบาศก์เมตร
                ศาลฎีกากำหนดให้ชดใช้ราคาตามราคาในขณะนั้น คือ ลูกบาศก์เมตรละ ๑๕ บาท

เพิ่มเติม
                อำนาจติดตามเอาคืนซึ่งทรัพย์สินของผู้ทรงกรรมสิทธิ์ หมายถึง ผู้ทรงกรรมสิทธิ์มีสิทธิติดตามเอาทรัพย์สินของตน จากบุคคลที่ไม่มีสิทธิยึดถือไว้
                โจทก์ฟ้องเรียกเรือนครัวคืนจากจำเลย เมื่อได้ความว่าเรือนครัวนั้นจำเลยยกให้โจทก์แล้ว ปัญหาที่เกี่ยวกับอายุความต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๓๖ เพราะเป็นการติดตามเอาทรัพย์ของตนคืน(ฎีกาที่ ๔๒๔/๒๔๙๙)
                การฟ้องเรียกทรัพย์คืนนั้น แม้โจทก์จะฟ้องขอให้คืนทรัพย์หรือใช่ราคาย่อมต้องถือว่าเป็นการฟ้องเรียกตัวทรัพย์หรือติดตามตัวทรัพย์ไม่ใช่ฟ้องเรียกค่าเสียหาย เพราะหากโจทก์ไม่ขอให้ใช้ราคามาด้วย เมื่อโจทก์ชนะคดีแล้ว ทรัพย์สินไม่มีอยู่หรือมิอาจคืนได้ โจทก์จะไม่มีทางบังคับเอากับจำเลยได้(ฎีกาที่ ๑๒๕๑/๒๕๐๔ ประชุมใหญ่)
                โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินเมื่อจำเลยขุดเอาดินไปโดยไม่มีสิทธิ โจทก์ย่อมฟ้องบังคับให้จำเลยนำดินที่ขุดไปนั้นคืนมา หรือขอให้จำเลยชดใช้ราคาได้ เมื่อโจทก์ฟ้องว่าจำเลยขุดดินของโจทก์ไปขายให้แก่บุคคลอื่นแล้ว โจทก์จึงชอบที่จะฟ้องขอให้บังคับจำเลยใช้ราคาดินดังกล่าวแก่โจทก์ได้ เป็นการใช้สิทธิติดตามเอาทรัพย์คืนตามมาตรา ๑๓๓๖ มิใช่ฟ้องเรียกค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิด จึงไม่อยู่ในบังคับมาตรา ๔๔๘(ฎีกาที่ ๑๗๖๐/๒๕๔๘)

อ้างอิง
มานิตย์ จุมปา. คำอธิบายประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยทรัพย์สิน พิมพ์ครั้งที่ ๘ ฉบับปรับปรุงแก้ไข. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๕๖.
สมจิตร์ ทองศรี. คำอธิบายประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยทรัพย์ พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา, ๒๕๕๙.

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
                มาตรา ๔๒๐  ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
                มาตรา ๔๓๘  ค่าสินไหมทดแทนจะพึงใช้โดยสถานใดเพียงใดนั้น ให้ศาลวินิจฉัยตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด
                อนึ่ง ค่าสินไหมทดแทนนั้น ได้แก่การคืนทรัพย์สินอันผู้เสียหายต้องเสียไปเพราะละเมิด หรือใช้ราคาทรัพย์สินนั้น รวมทั้งค่าเสียหายอันจะพึงบังคับให้ใช้เพื่อความเสียหายอย่างใด ๆ อันได้ก่อขึ้นนั้นด้วย
                มาตรา ๔๔๘  สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดนั้น ท่านว่าขาดอายุความเมื่อพ้นปีหนึ่งนับแต่วันที่ผู้ต้องเสียหายรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน หรือเมื่อพ้นสิบปีนับแต่วันทำละเมิด
                แต่ถ้าเรียกร้องค่าเสียหายในมูลอันเป็นความผิดมีโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา และมีกำหนดอายุความทางอาญายาวกว่าที่กล่าวมานั้นไซร้ ท่านให้เอาอายุความที่ยาวกว่านั้นมาบังคับ
                มาตรา ๑๓๓๖  ภายในบังคับแห่งกฎหมาย เจ้าของทรัพย์สินมีสิทธิใช้สอยและจำหน่ายทรัพย์สินของตนและได้ซึ่งดอกผลแห่งทรัพย์สินนั้น กับทั้งมีสิทธิติดตามและเอาคืนซึ่งทรัพย์สินของตนจากบุคคลผู้ไม่มีสิทธิจะยึดถือไว้ และมีสิทธิขัดขวางมิให้ผู้อื่นสอดเข้าเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินนั้นโดยมิชอบด้วยกฎหมาย