พฤติการณ์ที่จะถือว่าโจทก์กับจำเลยสมัครใจแยกกันอยู่จะต้องมีข้อเท็จจริงที่ฟังเป็นยุติว่าโจทก์และจำเลยต่างมีเจตนาตรงกันคือไม่ประสงค์จะใช้ชีวิตคู่ร่วมกันฉันสามีภริยา
มีลักษณะที่ขาดจากความสัมพันธ์ฉันสามีภริยาโดยสิ้นเชิงและต่างฝ่ายต่างไม่มีปฏิสัมพันธ์ต่อกันทั้งในทางพฤตินัยและนิตินัย
แต่โจทก์กับจำเลยยังมีปฏิสัมพันธ์กันทั้งในทางนิตินัยและพฤตินัย
ไม่ได้มีเจตนาสมัครใจแยกกันอยู่อย่างแท้จริงและถาวร
อันจะเป็นเหตุฟ้องหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๑๖(๔/๒)
องค์ประกอบอันเป็นเหตุหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๑๕๑๖(๔/๒) นอกจากการที่สามีหรือภริยาสมัครใจแยกกันอยู่แล้วยังจะต้องได้ความว่าการสมัครใจแยกกันอยู่นั้นเพราะเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุขตลอดมาเกิน
๓ ปีด้วย จึงจะทำให้มีเหตุหย่าโดยชอบด้วยกฎหมาย
มิใช่รับฟังองค์ประกอบเรื่องระยะเวลาที่แยกกันอยู่เพียงประการเดียว
คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๓
ที่ฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์กับจำเลยไม่ได้มีความขัดแย้งกันจนถึงขนาดที่จะทนอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาต่อไปไม่ได้
พฤติการณ์แห่งคดีฟังได้ว่าโจทก์ฝ่ายเดียวสมัครใจแยกทางกันอยู่กับจำเลย
จำเลยไม่ได้สมัครในแยกกันอยู่กับโจทก์ เป็นการวินิจฉัยถึงเหตุหย่าตามที่กฎหมายบัญญัติให้ครบถ้วน
หาใช่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นตามฎีกาของโจทก์ไม่
เพิ่มเติม
สมัครใจแยกกันอยู่ หมายความถึง
จะต้องเป็นความสมัครใจของทั้งสองฝ่าย เช่น ทำบันทึกมีข้อความว่า
ทั้งสองฝ่ายยืนยันจะไม่กลับไปคืนดีเป็นสามีภริยากันต่อไป แสดงว่าทั้งสองฝ่ายสมัครใจแยกกันอยู่(ฎีกาที่
๗๘๐/๒๕๐๒)
พฤติการณ์ของโจทก์จำเลยต่างคนต่างอยู่เป็นเวลานานถึง
๒๕ ปี ถือได้ว่าโจทก์และจำเลยสมัครใจแยกกันอยู่(ฎีกาที่ ๒๕๒๐/๒๕๔๙)
อ้างอิง
สมชัย
ฑีฑาอุตมากร. ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๕ ว่าด้วย ครอบครัว ฉบับสมบูรณ์.
กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์พลสยามพริ้นติ้ง,
๒๕๕๔.
ข้อเท็จจริง
ในปี ๒๕๔๓
โจทก์เป็นฝ่ายออกจากบ้านเลขที่ ๑๑๕/๕๔ ไปมีภริยาใหม่และมีบุตรด้วยกัน ๑ คน
โจทก์ตกลงกับจำเลยว่าจะให้จำเลยเป็นผู้รับเงินเดือนของโจทก์เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการอุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาตามสมควรแก่บุตรในระหว่างที่เป็นผู้เยาว์
ก่อนฟ้องคดีนี้ประมาณ ๑ ปี ๒
เดือน โจทก์ จำเลย และนางสาว จ.
ร่วมกันกู้ยืมเงินจากธนาคารเพื่อซื้อบ้านพักอาศัยร่วมกัน
และโจทก์บอกกล่าวแก่ญาติพี่น้องฝ่ายตนว่าเป็นบ้านของโจทก์ เชิญชวนญาติพี่น้องให้มาร่วมงานทำบุญขึ้นบ้านใหม่
โดยโจทก์มีกุญแจบ้านสามารถเข้าออกได้ตามอัธยาศัย และนางสาว จ.
บุตรของโจทก์เบิกความว่า
โจทก์ได้เข้ามาอยู่ในบ้านหลังใหม่พักอาศัยอยู่ในห้องเดียวกับจำเลย
ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่า
โจทก์กับจำเลยยังมีปฏิสัมพันธ์กันทั้งในทางนิตินัยและพฤตินัย
ไม่ได้มีเจตนาสมัครใจแยกกันอยู่อย่างแท้จริงและถาวร
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๑๕๑๖ เหตุฟ้องหย่ามีดังต่อไปนี้
(๔/๒)
สามีและภริยาสมัครใจแยกกันอยู่เพราะเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุขตลอดมาเกินสามปี
หรือแยกกันอยู่ตามคำสั่งของศาลเป็นเวลาเกินสามปี ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
0 Comments
แสดงความคิดเห็น