สิทธิในการก่อสร้างและติดตั้งเสาไฟฟ้า
สายไฟฟ้าตลอดจนวางท่อประปาและท่อระบายน้ำทิ้งของจำเลยที่ ๑ ในที่ดินพิพาทซึ่งเป็นของผู้อื่นมีลักษณะเป็นสิทธิเหนือพื้นดินอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์และเป็นทรัพยสิทธิที่ก่อตั้งขึ้นตามมาตรา
๑๒๙๘ และมาตรา ๑๔๑๐ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดย ม. เจ้าของที่ดินพิพาทในขณะนั้นเป็นผู้ก่อให้เกิดสิทธิเหนือพื้นดินแก่จำเลยที่
๑ ตามบันทึกข้อความ อันเป็นนิติกรรมการได้มาซึ่งทรัพยสิทธิดังกล่าวของจำเลยที่ ๑
ที่ไม่บริบูรณ์ เว้นแต่จะได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนการได้มากับพนักงานเจ้าหน้าที่ตามนัยมาตรา
๑๒๙๙ วรรคหนึ่ง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งมีความหมายว่า สิทธิของผู้ทรงสิทธิไม่บริบูรณ์ในฐานะเป็นทรัพยสิทธิที่ตกติดไปกับตัวทรัพย์หรือที่ดินโดยผลของกฎหมาย
ไม่ว่าผู้ใดจะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินต้องยอมรับสิทธิเหนือพื้นดินอันเป็นคุณแก่ผู้ทรงสิทธิที่มีอยู่เหนือที่ดินแปลงนั้น
เมื่อการได้มาซึ่งสิทธิเหนือพื้นดินของจำเลยที่ ๑
ไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ การได้มาซึ่งสิทธิเหนือพื้นดินของจำเลยที่ ๑
จึงไม่บริบูรณ์ในฐานะเป็นทรัพยสิทธิ จำเลยที่ ๑
จึงไม่อาจอ้างสิทธิเหนือพื้นดินตามนิติกรรมที่ทำไว้กับ ม. เจ้าของที่ดินพิพาทเดิมซึ่งเป็นเพียงบุคคลสิทธิมาบังคับเอาแก่โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้
ไม่ว่าโจทก์จะซื้อที่ดินพิพาทมาโดยรู้ว่าเจ้าของที่ดินพิพาทเดิมได้ก่อให้เกิดสิทธิเหนือพื้นดินไว้หรือไม่
นิติกรรมที่ก่อให้เกิดสิทธิเหนือพื้นดินแก่จำเลยที่ ๑
ตามบันทึกข้อความย่อมไม่ผูกพันโจทก์ เมื่อโจทก์บอกกล่าวให้จำเลยที่ ๑
รื้อถอนเสาไฟฟ้า สายไฟฟ้า ตลอดจนท่อประปาและท่อระบายน้ำทิ้ง อันเป็นการใช้สิทธิในฐานะเจ้าของที่ดินพิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๑๓๓๖ โดยชอบแล้ว จำเลยที่ ๑ เพิกเฉย โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขับไล่ขอให้บังคับจำเลยที่
๑ รื้อถอนทรัพย์ดังกล่าวออกไปจากที่ดินพิพาทได้
โจทก์มีคำขอท้ายฟ้องว่า หากจำเลยที่
๑ ไม่รื้อถอนเสาไฟฟ้า สายไฟฟ้าแรงสูง และท่อน้ำทิ้งออกไปจากที่ดินพิพาทให้โจทก์เป็นผู้รื้อถอนด้วยค่าใช้จ่ายของจำเลยที่
๑
คำขอของโจทก์ดังกล่าวเป็นเรื่องการบังคับคดีซึ่งเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานบังคับคดีที่จะดำเนินการรื้อถอนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา ๓๕๐ วรรค ๒ ประกอบมาตรา ๓๕๕ (ที่แก้ไขใหม่) จึงไม่อาจกำหนดให้ตามคำขอของโจทก์
เพิ่มเติม
ทรัพยสิทธิในตำราของผู้ช่วยศาสตราจารย์อานนท์
มาเม้า อธิบายว่า ทรัพยสิทธิจะต้องมีการแสดงออก
การแสดงออกซึ่งทรัพยสิทธิ หรือ การทรงทรัพยสิทธิ
หมายถึง การการปรากฏตัวของทรัพยสิทธิให้เป็นที่รับรู้ของบุคคลโดยทั่วไป “อสังหาริมทรัพย์ใช้ระบบการแสดงออกซึ่งทรัพยสิทธิโดยทางทะเบียน”
มาตรา ๑๒๙๙ วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “...การได้มาโดยนิติกรรมซึ่งอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพยสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์นั้นไม่บริบูรณ์
เว้นแต่นิติกรรมจะได้ทำเป็นหนังสือและได้จดทะเบียนการได้มากับพนักงานเจ้าหน้าที่” บุคคลผู้ประสงค์จะได้มาซึ่งทรัพยสิทธิในอสังหาริมทรัพย์
โดยทางนิติกรรม แต่ไม่ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ย่อมไม่มีทางทำให้บุคคลนั้นได้มาซึ่งทรัพยสิทธิที่บริบูรณ์
ดังนั้น การจดทะเบียนเป็นเรื่องสำคัญต่อการแสดงออกซึ่งทรัพยสิทธิในอสังหาริมทรัพย์
หากไม่มีการจดทะเบียนให้เรียบร้อยย่อมส่งผลเสีย คือมีผลถึงขนาดไม่ก่อให้เกิดทรัพยสิทธิที่บริบูรณ์
เท่ากับว่ากฎหมายมุ่งบังคับให้บุคคลผู้ประสงค์เป็นผู้ทรงทรัพยสิทธิในอสังหาริมทรัพย์ต้องจดทะเบียนทรัพยสิทธิ
ฉะนั้นย่อมเกิดผลร้ายตามมา และคุ้มครองความไว้เนื้อเชื่อใจของบุคคลภายนอกผู้สุจริตที่มีต่อระบบทะเบียน
อ้างอิง
อานนท์
มาเม้า. กฎหมายทรัพย์สิน: ความรู้พื้นฐานทางความคิด
หลักทั่วไปและบทเบ็ดเสร็จทั่วไป พิมพ์ครั้งที่ ๒.
กรุงเทพมหานคร: สํานักพิมพ์วิญญูชน,
๒๕๖๐.
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา ๓๕๐ วรรคสอง การบังคับคดีในกรณีที่คำพิพากษาหรือคำสั่งให้ลูกหนี้ตามคำพิพากษารื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ไม้ยืนต้น ไม้ล้มลุกหรือธัญชาติ
หรือขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากอสังหาริมทรัพย์ ที่อยู่อาศัย หรือทรัพย์ที่ครอบครอง ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการตามมาตรา ๓๕๕
มาตรา ๓๕๕ ในกรณีที่คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลกำหนดให้ลูกหนี้ตามคำพิพากษาต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง
ไม้ยืนต้น ไม้ล้มลุกหรือธัญชาติ หรือขนย้ายทรัพย์สิน ออกไปจากอสังหาริมทรัพย์
ที่อยู่อาศัย หรือทรัพย์ที่ครอบครอง
ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีมีอำนาจดำเนินการรื้อถอน
และขนย้ายทรัพย์สินออกจากทรัพย์นั้นได้โดยให้ลูกหนี้ตามคำพิพากษาเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนหรือขนย้ายทรัพย์สินนั้น
และให้ถือว่าเป็นหนี้ตามคำพิพากษาที่จะบังคับคดีกันต่อไป
กรณีตามวรรคหนึ่ง
ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีปิดประกาศกำหนดการรื้อถอนหรือขนย้ายทรัพย์สินไว้ ณ
บริเวณนั้นไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน
และให้เจ้าพนักงานบังคับคดีใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่พฤติการณ์ในการรื้อถอนหรือขนย้ายทรัพย์สินนั้น
ในการจัดการกับวัสดุที่ถูกรื้อถอนและทรัพย์สินที่ถูกขนย้ายออกจากอสังหาริมทรัพย์
ที่อยู่อาศัยหรือทรัพย์ที่ครอบครองนั้น ให้นำบทบัญญัติมาตรา ๓๕๒ วรรคสอง วรรคสาม
และวรรคสี่ มาใช้บังคับโดยอนุโลม
0 Comments
แสดงความคิดเห็น