โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๓๕๓ โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เป็นพนักงานของโจทก์ มีหน้าที่รับผิดชอบควบคุมดูแลบริหารจัดการด้านการบริหารการเงิน
วางแผนการดำเนินการรวมถึงงบประมาณของโจทก์ และรับผิดชอบงานอื่นตามที่โจทก์มอบหมายแล้วจำเลยที่
๑ กระทำผิดหน้าที่ที่ได้รับมอบ โดยรับจัดงาน จัดกิจกรรมของการกีฬาแห่งประเทศไทยอันเป็นงานที่มีลักษณะเดียวกับกิจการของโจทก์ โดยกระทำในนามของจำเลยที่ ๓ ซึ่งเป็นนิติบุคคลที่มีจำเลยที่
๑ เป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทน นั้น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๓ บัญญัติว่า “ผู้ใดได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สินของผู้อื่น
หรือทรัพย์สินซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย กระทำความผิดหน้าที่ของตนด้วยประการใดๆ
โดยทุจริต จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินของผู้นั้น
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่คุ้มครองทรัพย์ของผู้ที่มอบหมาย
การที่จำเลยที่ ๑ ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบงานต่างๆ ของโจทก์ตามฟ้องจึงมิใช่การได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สินของโจทก์
ฟ้องของโจทก์จึงไม่ครบองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๓
เป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕๘
เพิ่มเติม
คำว่า “ได้รับมอบหมาย”
หมายความว่า ได้รับมอบอำนาจครอบครองเหนือทรัพย์นั้นโดยตรง ซึ่งผู้ได้รับมอบหมาย
มีอำนาจเหนือทรัพย์สินนั้นโดยแท้จริง(สุปัน พูลพัฒน์)
การได้รับมอบหมายนี้
เป็นการมอบหมายให้จัดการเกี่ยวกับทรัพย์สิน มิใช่เป็นเพียงมอบหมายให้ครอบครองเฉยๆ
ดังมาตรา ๓๕๒
ความผิดฐานยักยอกทรัพย์ตาม ป.อ.มาตรา ๓๕๒
ผู้กระทำผิดต้องเป็นผู้ครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของผู้อื่น
หรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย และได้เบียดบัง
เอาทรัพย์เป็นของตนเองหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต ส่วนความผิดตามมาตรา ๓๕๓ ผู้กระทำความผิดต้องเป็นผู้ที่ได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์ของผู้อื่นหรือทรัพย์สินซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย
กระทำผิดหน้าที่ของตนโดยทุจริตจนทำให้เกิดความเสียหาย(ฎีกาที่ ๖๘๗๐/๒๕๔๑)
อ้างอิง
สุปัน พูลพัฒน์.
คำอธิบายเรียงมาตราประมวลกฎหมายอาญา,๒๕๐๖.
0 Comments
แสดงความคิดเห็น