เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏตามคำฟ้องของโจทก์และคำให้การของจำเลยว่า
ภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นรอการลงโทษให้จำเลยไว้ในคดีอาญา จำเลยได้กระทำความผิดคดีนี้อีกแต่คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นให้ลงโทษจำเป็นให้ลงโทษจำคุกจำเลย
๔ เดือน โดยไม่ลงโทษปรับ ไม่คุมความประพฤติจำเลย และไม่รอการลงโทษ ศาลอุทธรณ์จึงต้องนำโทษจำคุก
๑ ปี ๖ เดือน ของจำเลยที่รอการลงโทษไว้ในคดีดังกล่าวมาบวกเข้ากับโทษของจำเลยคดีนี้
เพิ่มเติม
“ได้กระทำความผิดขึ้นอีกภายในระยะเวลาที่ศาลรอการลงโทษนั้น”
ในการนับระยะเวลา ให้นับจากวันที่ศาลในคดีก่อนพิพากษาให้รอการลงโทษ ถึงวันที่ได้กระทำความผิดขึ้นใหม่
ไม่ใช่นับถึงวันที่ศาลพิพากษาในคดีที่กระทำความผิดขึ้นใหม่นี้
ที่ว่า “ศาลได้พิพากษาให้ลงโทษจำคุกสำหรับความผิดที่ได้กระทำขึ้นอีกนั้น”
หมายความว่า ไม่ได้รอการลงโทษในความผิดครั้งหลังนี้อีก ถ้าศาลเห็นสมควรรอการลงโทษในความผิดครั้งหลังนี้อีกซึ่งศาลก็มีอำนาจทำได้
ตามมาตรา ๕๘ คำว่า “และศาลพิพากษาให้ลงโทษจำคุกสำหรับความผิดนั้น”
หมายความว่าจำเลยต้องคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกจริงๆ(ฎีกาที่ ๑๒๐๘/๒๕๐๙)
การนำโทษที่รอไว้ในคดีก่อนมาบวกกับโทษในคดีหลังนี้
หมายความว่า การกระทำความผิดในคดีหลังนี้ เกิดขึ้นหลังจาก ที่ศาลรอการลงโทษในคดีแรกไว้แล้ว
หากเกิดขึ้นก่อนที่ศาลรอการลงโทษในคดีแรก เช่นนี้ จะนำโทษมาบวกกันไม่ได้
อ้างอิง
เกียรติขจร
วัจนะสวัสดิ์. คำอธิบายกฎหมายอาญา
ภาค 1 บทบัญญัติทั่วไป ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๑๐ แก้ไขเพิ่มเติม. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์พลสยามพพริ้นติ้ง, ๒๕๕๑.
ข้อเท็จจริง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ
พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๕๗, ๙๑ พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๔๓ ทวิ, ๑๕๗/๑
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๘ บวกโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่
๔๖๕/๒๕๕๗ของศาลชั้นต้น เข้ากับโทษของจำเลยในคดีนี้
จำเลยให้การรับสารภาพและรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์อ้างเป็นเหตุขอให้บวกโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า
จำเลยมีความผิด..... จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีมีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๔ เดือน และปรับ ๑๐,๐๐๐ บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ ๒ ปี
ให้คุมความประพฤติของจำเลยโดยให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก ๔
เดือนต่อครั้ง ภายในเวลา ๑ ปี และยินยอมให้ตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะทุกครั้ง
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา
๒๙, ๓๐ เมื่อคดีนี้ศาลรอการลงโทษจำคุก จึงไม่อาจนำโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่
๔๖๕/๒๕๕๗ ของศาลชั้นต้นมาบวกได้ ยกคำขอให้บวกโทษ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดวินิจฉัยว่า
จำเลยกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายมาแล้ว และศาลให้โอกาสจำเลยกลับตนเป็นพลเมืองดี
แต่จำเลยกลับมากระทำความผิดอีกโดยเสพเมทแอมเฟตามีนแล้วขับรถจักรยานยนต์ในขณะที่มีสารเสพติดอยู่ในร่างกายภายในภายในระยะเวลาที่รอการลงโทษ
จึงไม่มีเหตุสมควรที่จะรอการลงโทษจำคุกให้จำเลยอีก พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ปรับ ไม่คุมความประพฤติจำเลย
และไม่รอการลงโทษนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่ามีปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า
การที่ศาลอุทธรณ์มิได้พิพากษาให้นำโทษจำคุกของจำเลยที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่
๔๖๕/๒๕๕๗ ของศาลชั้นต้น มาบวกเข้ากับโทษจำคุกของจำเลยคดีนี้ชอบหรือไม่
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๕๘ วรรคแรก เมื่อความปรากฏแก่ศาลเอง
หรือปรากฏตามคำแถลงของโจทก์หรือเจ้าพนักงานว่า ภายในเวลาที่ศาลกำหนดตามมาตรา ๕๖ ผู้ที่ถูกศาลพิพากษาได้กระทำความผิดอันมิใช่ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
และศาลพิพากษาให้ลงโทษจำคุกสำหรับความผิดนั้น ให้ศาลที่พิพากษาคดีหลังกำหนดโทษที่รอการกำหนดโทษไว้ในคดีก่อนบวกเข้ากับโทษในคดีหลัง
หรือบวกโทษที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนเข้ากับโทษในคดีหลังแล้วแต่กรณี
ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นว่า ให้นำโทษจำคุกของจำเลยที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่
๔๖๕/๒๕๕๗ ของศาลชั้นต้นมาบวกเข้ากับโทษจำคุกของจำเลยคดีนี้ เป็นจำคุกจำเลยมีกำหนด
๑ ปี ๑๐ เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
0 Comments
แสดงความคิดเห็น