แม้จำเลยที่ ๓ ยื่นคำคัดค้านว่าผู้ร้องไม่มีต้นฉบับหนังสือมอบอำนาจและหนังสือมอบอำนาจช่วง ลายมือชื่อผู้มอบอำนาจและผู้มอบอำนาจช่วงเป็นลายมือชื่อปลอม อันเป็นการคัดค้านการนำเอกสารนั้นมาสืบโดยเหตุผลว่าไม่มีต้นฉบับหรือต้นฉบับนั้นปลอมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๒๕ วรรคหนึ่ง ก็ตาม แต่จำเลยที่ ๓ ยอมรับในอุทธรณ์ว่า ผู้ร้องนำต้นฉบับมาแสดงต่อศาลในวันนัดไต่สวนคำร้องแล้วรับกลับคืนไป โดยจำเลยที่ ๓ มิได้คัดค้านว่าสำเนาเอกสารไม่ถูกต้องตรงกับต้นฉบับและมิได้คัดค้านการที่ศาลชั้นต้นให้ผู้ร้องส่งสำเนาเอกสารแทนต้นฉบับ ประกอบกับผู้ร้องได้รับโอนสิทธิเรียกร้องของลูกหนี้เป็นจำนวนมาก ผู้ร้องย่อมจำเป็นต้องใช้ต้นฉบับหนังสือมอบอำนาจและสำเนาหนังสือมอบอำนาจช่วง ไปใช้เป็นพยานหลักฐาน ถือได้ว่าต้นฉบับเอกสารผู้ร้องต้องใช้เป็นประจำ การที่ศาลชั้นต้นรับสำเนาเอกสารไว้แทนต้นฉบับเท่ากับศาลชั้นต้นอนุญาตให้รับคืนต้นฉบับเอกสารและให้ผู้ร้องส่งสำเนาเอกสารหมายไว้แทนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๒๗ ทวิ ศาลชั้นต้นย่อมรับฟังสำเนาหนังสือมอบอำนาจและสำเนาหนังสือมอบอำนาจช่วงเป็นพยานหลักฐานได้ว่าผู้ร้องมีอำนาจยื่นคำร้องขอเข้าสวมสิทธิแทนโจทก์
                จำเลยที่สามเคยยกขึ้นกล่าวอ้างในชั้นอุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์ภาค ๓ วินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ ๓ ว่า พยานหลักฐานของจำเลยที่ ๓ ไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานของผู้ร้องข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า โจทก์ทำสัญญาโอนสิทธิเรียกร้องตามคำ พิพากษาที่มีต่อจำเลยทั้งสามให้แก่ผู้ร้อง การโอนสิทธิเรียกร้องจึงสมบูรณ์แล้ว การยื่นคำร้องขอเข้าสวมสิทธิของผู้ร้องทั้งสองครั้งก่อนเป็นเรื่องที่ผู้ร้องยังไม่ได้บอกกล่าวการโอนไปยังลูกหนี้ เมื่อผู้ร้องปฏิบัติตามขั้นตอนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๐๖ วรรคหนึ่ง เรียบร้อยแล้ว ผู้ร้องย่อมมีสิทธิยื่นคำร้องขอเข้าสวมสิทธิแทนโจทก์ได้ การยื่นคำร้องขอเข้าสวมสิทธิในครั้งนี้เป็นกรณีที่ศาลยังมิได้มีคำวินิจฉัยประเด็นแห่งคดีโดยตรงว่าผู้ร้องสามารถเข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาแทนโจทก์ได้หรือไม่ จึงไม่เป็นการร้องซ้ำหรือดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ

ข้อเท็จจริง
                ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าผู้ร้องเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดมีวัตถุประสงค์รับซื้อหรือรับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพของสถาบันการเงินจดทะเบียนไว้กับธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อประกอบธุรกิจเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ตามพระราชกำหนดบริษัทบริหารสินทรัพย์ พ.ศ.๒๕๔๑ ผู้ร้องมอบอำนาจและมอบอำนาจช่วงให้บุคคลอื่นดำเนินคดีแทน เมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๔๙ โจทก์ทำสัญญาโอนสิทธิเรียกร้องที่มีต่อจำเลยทั้งสามรวมทั้งหลักประกันให้แก่ผู้ร้อง และผู้ร้องบอกกล่าวการโอนสิทธิเรียกร้องไปยังจำเลยทั้งสามโดยชอบแล้ว ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้ร้องเข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาแทนโจทก์
                จำเลยที่ ๓ ยื่นคำคัดค้านว่าลายมือผู้มอบอำนาจและมอบอำนาจช่วงของผู้ร้องเป็นลายมือชื่อปลอมโจทย์โอนสิทธิเรียกร้องที่มีต่อเจ้าหน้าที่ศาลพิเศษบริษัทหลักทรัพย์ไทยจำกัดเป็นแล้วต่อมาโจทก์ได้โอนสิทธิเรียกร้องลายเดียวกันนี้ให้แก่ผู้ร้องอีก การโอนสิทธิระหว่างโจทก์กับผู้ร้องจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายสัญญา สัญญาโอนสิทธิเรียกว่าระหว่างโจทก์กับผู้ร้องเป็นเอกสารปลอม ผู้ร้องเคยยื่นคำร้องขอสวมสิทธิแทนโจทก์ แต่ศาลมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องเนื่องจากผู้ร้องยังไม่ได้บอกกล่าวการโอนไปยังจำเลยทั้งสาม การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอสวมสิทธิเข้ามาอีกเป็นการร้องซ้ำหรือดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ ขอให้ยกคำร้อง
                ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องเข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาแทนโจทก์ ตามพระราชกำหนดบริหารสินทรัพย์ พ.ศ.๒๕๔๑ มาตรา ๗  
                จำเลยที่ ๓ อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยที่ ๓ ฎีกา
               
พระราชกำหนดบริษัทบริหารสินทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๔๑
                มาตรา ๗ ในการโอนสินทรัพย์ไปให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ ถ้ามีการฟ้องบังคับสิทธิเรียกร้องเป็นคดีอยู่ในศาล ให้บริษัทบริหารสินทรัพย์เข้าสวมสิทธิเป็นคู่ความแทนในคดีดังกล่าว และอาจนำพยานหลักฐานใหม่มาแสดงคัดค้านเอกสารที่ได้ยื่นไว้แล้ว ถามค้านพยานที่สืบมาแล้ว และคัดค้านพยานหลักฐานที่ได้สืบไปแล้วได้ และในกรณีที่ศาลได้มีคำพิพากษาบังคับตามสิทธิเรียกร้องนั้นแล้ว ก็ให้เข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษานั้น

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
                มาตรา ๑๒๕ คู่ความฝ่ายที่ถูกอีกฝ่ายหนึ่งอ้างอิงเอกสารมาเป็นพยานหลักฐานยันตนอาจคัดค้านการนำเอกสารนั้นมาสืบโดยเหตุที่ว่าไม่มีต้นฉบับหรือต้นฉบับนั้นปลอมทั้งฉบับหรือบางส่วน หรือสำเนานั้นไม่ถูกต้องกับต้นฉบับ โดยคัดค้านต่อศาลก่อนการสืบพยานเอกสารนั้นเสร็จ
                มาตรา ๑๒๗ ทวิ ต้นฉบับพยานเอกสารหรือพยานวัตถุอันสำคัญที่คู่ความได้ยื่นต่อศาลหรือที่บุคคลภายนอกได้ยื่นต่อศาล หากผู้ที่ยื่นต้องใช้เป็นประจำหรือตามความจำเป็นหรือมีความสำคัญในการเก็บรักษา ศาลจะอนุญาตให้ผู้ที่ยื่นรับคืนไป โดยให้คู่ความตรวจดู และให้ผู้ที่ยื่นส่งสำเนาหรือภาพถ่ายไว้แทน หรือจะมีคำสั่งอย่างใดตามที่เห็นสมควรก็ได้
                มาตรา ๑๔๔ เมื่อศาลใดมีคำพิพากษา หรือคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดคดีหรือในประเด็นข้อใดแห่งคดีแล้ว ห้ามมิให้ดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลนั้นอันเกี่ยวกับคดีหรือประเด็นที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้วนั้น
                มาตรา ๑๔๘  คดีที่ได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุดแล้วห้ามมิให้คู่ความเดียวกันรื้อร้องฟ้องกันอีก ในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน

#คำพิพากษาฎีกาที่ 6555/2560