การขอให้นับโทษต่อกับการบวกโทษเป็นคนละกรณีกันป่าวคือ
การนับโทษต่อเป็นกรณีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๒
ซึ่งปกติให้เริ่มนับแต่วันมีคำพิพากษา เว้นแต่คำพิพากษานั้นจะกล่าวไว้เป็นอย่างอื่นอันเป็นกรณีที่คดีก่อนศาลพิพากษาลงโทษจำคุกโดยไม่รอการลงโทษแล้วคดีหลังพิพากษาลงโทษจำคุกเช่นกันจึงจะสามารถนำโทษจำคุกคดีหลังไปนับต่อจากโทษจำคุกในคดีก่อนได้ ส่วนการบวกโทษนั้น การที่ศาลมีคำพากษาคดีหลัง
(คือคดีนี้) จะบวกโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนเข้ากับโทษในคดีหลังได้นั้น
ต้องเป็นกรณีที่ความปรากฏแก่ศาลเอง หรือความปรากฏตามคำแถลงของโจทก์หรือเจ้าพนักงานว่า
ภายในเวลาที่ศาลกำหนดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๕๖ (กำหนดเวลารอการลงโทษ)
ผู้ที่ถูกศาลพิพากษาได้กระทำความผิดอันมิใช่ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษและศาลพิพากษาให้ลงโทษจำคุกสำหรับความผิดนั้น
ซึ่งเป็นไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๘ แต่จำเลยกระทำผิดคดีนี้ก่อนที่ศาลในคดีก่อนจะมีคำพิพากษา
กรณีจึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่จะบวกโทษได้ เมื่อการขอให้นับโทษต่อกับการบวกโทษเป็นคนละกรณีกัน
ดังนั้นคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่ให้บวกโทษจึงเป็นการพิพากษาเกินคำขอและมิได้กล่าวในฟ้องย่อมไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา
๑๙๒ วรรคหนึ่ง ซึ่งปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยไม่ฎีกาปัญหานี้
ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา
๑๙๕ วรรคสองประกอบมาตรา ๒๒๕
เพิ่มเติม
การนำโทษที่รอไว้ในคดีก่อนมาบวกกับโทษในคดีหลังนี้
หมายความว่า การกระทำความผิดในคดีหลังนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ศาลรอการลงโทษในคดีแรกไว้แล้ว
หากเกิดขึ้นก่อนที่ศาลรอการลงโทษในคดีแรก เช่นนี้ จะนำโทษมาบวกกันไม่ได้
คดีแรกที่ศาลรอการลงโทษไว้นั้นจะต้อง
“ถึงที่สุด” แล้ว
ฎีกาที่ ๑๑๓๑/๒๕๐๑ จำเลยถูกฟ้อง ๒
คดี คดีที่ศาลพิพากษาเสร็จก่อนนั้น ศาลรอการลงโทษไว้
ส่วนอีกคดีหนึ่งตัดสินภายหลังศาลลงโทษจำเลย
เช่นนี้ศาลจะเอาโทษที่รอไว้ในคดีที่ตัดสินก่อน
มาบวกกับโทษในคดีที่ตัดสินภายหลังไม่ได้
เพราะการกระทำผิดในคดีที่ตัดสินภายหลังนี้เกิดขึ้นก่อนศาลพิพากษาคดีที่เสร็จก่อน
หมายเหตุ
คดีที่พิพากษาก่อนศาลมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๐๐
คดีนี้จำเลยกระทำผิดเมื่อวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๔๙๙
ฎีกาที่ ๖๑๓/๒๕๓๕ การที่ศาลจะบวกโทษที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนเข้ากับโทษในคดีหลังตาม
ป.อ. มาตรา ๕๘ ได้นั้น ต้องเป็นกรณีที่ความผิดที่ถูกลงโทษในคดีหลังนี้ได้กระทำภายหลังที่ศาลพิพากษาในคดีก่อน
ถ้าได้กระทำความผิดไว้ก่อนแต่มาถูกศาลพิพากษาภายหลังที่รอการลงโทษไว้แล้วก็นำโทษที่รอไว้มาบวกเข้าไม่ได้
อ้างอิง
เกียรติขจร วัจนะสวัสดิ์. คำอธิบายกฎหมายอาญา ภาค ๑ บทบัญญัติทั่วไป ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๑๐ แก้ไขเพิ่มเติม.
กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์พลสยามพริ้นติ้ง,
๒๕๕๑.
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๕๘ เมื่อความปรากฏแก่ศาลเอง
หรือความปรากฏตามคำแถลงของโจทก์หรือเจ้าพนักงานว่า ภายในเวลาที่ศาลกำหนดตามมาตรา
๕๖
ผู้ที่ถูกศาลพิพากษาได้กระทำความผิดอันมิใช่ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
และศาลพิพากษาให้ลงโทษจำคุก สำหรับความผิดนั้น
ให้ศาลที่พิพากษาคดีหลังกำหนดโทษที่รอการกำหนดไว้ในคดีก่อนบวกเข้ากับโทษในคดีหลัง
หรือบวกโทษที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนเข้ากับโทษในคดีหลัง แล้วแต่กรณี
แต่ถ้าภายในเวลาที่ศาลได้กำหนดตามมาตรา
๕๖ ผู้นั้นมิได้กระทำความผิดดังกล่าวมาในวรรคแรก
ให้ผู้นั้นพ้นจากการที่จะถูกกำหนดโทษ หรือถูกลงโทษในคดีนั้น แล้วแต่กรณี
0 Comments
แสดงความคิดเห็น