จำเลยซื้อที่ดินจากโจทก์ร่วมตั้งแต่ปี
๒๕๔๔ ในราคา ๗๐,๐๐๐ บาท ชำระแล้ว ๖๕,๐๐๐ บาท จะชำระในการโอนกรรมสิทธิ์อีก ๕,๐๐๐
บาท การซื้อขายที่ดินดังกล่าวไม่มีการทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
แต่คู่สัญญาประสงค์จะจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์กันให้ถูกต้องเพียงแต่ที่ดินพิพาทจดทะเบียนจำนองแก่ธนาคารไว้
โจทก์ร่วมแจ้งให้จำเลยมาจดทะเบียนรับโอนที่ดินพิพาท แต่เจรจาการไม่สำเร็จเท่านั้น โจทก์ร่วมและจำเลยประสงค์จะจดทะเบียนโอนที่ดินที่ซื้อขายกันที่สำนักงานที่ดิน
สัญญาระหว่างโจทก์ร่วมและจำเลยจึงเป็นเพียงสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๔๕๖ วรรคสอง หาใช่สัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาดซึ่งเมื่อไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จะตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๔๕๖ วรรคหนึ่งไม่ เมื่อเป็นเพียงสัญญาจะซื้อจะขาย แม้จำเลยเข้าครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทในระหว่างที่ยังมิได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์
การครอบครองดังกล่าวก็เป็นเพียงการครอบครองที่พิพาทแทนโจทก์ร่วมเท่านั้น มิใช่การครอบครองโดยเจตนาเป็นเจ้าของ
เว้นแต่จำเลยจะเปลี่ยนแปลงลักษณะการยึดถือโดยบอกกล่าวไปยังโจทก์ร่วมว่าไม่เจตนายึดถือที่พิพาทแทนโจทก์ร่วมต่อไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๑๓๘๑ แต่จำเลยก็มิได้ปฏิบัติเช่นนั้น ลำพังการปลูกสร้างบ้านบนที่ดินพิพาทและบอกกล่าวให้โจทก์ร่วมไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินนั้น
ยังไม่พอฟังว่าเป็นการเปลี่ยนลักษณะการยึดถือดังกล่าวมา การที่จำเลยครอบครองที่ดินพิพาทแทนโจทก์ร่วมตามสัญญาจะซื้อจะขายนั้น
จำเลยจะอ้างว่าได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์แล้วหาได้ไม่ ทั้งไม่ทำให้จำเลยอยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๑๓๐๐ ด้วย
เพิ่มเติม
สัญญาจะซื้อขาย คือ สัญญาซื้อขายที่คู่สัญญาได้ตกลงกันไว้ชั้นหนึ่งก่อน
เพื่อจะนำไปสู่การทำให้ถูกต้องตามแบบแห่งสัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาดในอนาคต แสดงให้เห็นว่าทรัพย์สินซึ่งเป็นวัตถุแห่งสัญญาจะซื้อขายได้นั้นมีเพียงเฉพาะทรัพย์สินที่ในการทำสัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาดจะต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา
๔๕๖ วรรคหนึ่งอันได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ เรือมีระวางห้าตันขึ้นไป แพ และสัตว์พาหนะ
เท่านั้น ทรัพย์สินอื่นนอกจากนี้ย่อมไม่อาจเป็นวัตถุแห่งสัญญาจะซื้อขายได้เลย
ฎีกาที่ ๘๑๔/๒๔๙๐ ทำสัญญาซื้อขายที่ดินโดยตกลงกันว่าชำระราคาครบแล้วจะไปทำการโอนกัน
นับว่าเป็นสัญญาจะซื้อจะขาย
ฎีกาที่ ๙๐๖/๒๕๑๓ สัญญาซื้อขายที่ดินระบุว่า ผู้ขายจะต้องรังวัดแบ่งแยกโฉนดให้แก่ผู้ซื้อและโอนใส่ชื่อผู้ซื้อ
ณ สำนักงานที่ดิน ถือเป็นเพียงสัญญาจะซื้อจะขาย
ฎีกาที่ ๒๒๗/๒๕๓๒ ทำสัญญายกที่ดินให้รับรองว่าจะแบ่งแยกให้ในภายหน้า
ถ้าไม่แบ่งให้ ยอมให้ฟ้องตามสัญญา แสดงว่ายกที่ดินให้โดยการทำนิติกรรมและจดทะเบียน
การครอบครองที่พิพาท จึงถือว่าอาศัยสิทธิของผู้ที่ยกให้ การที่ผู้จะรับยกให้ต่อเติมขยายบ้าน
ปลูกโรงมุงจาก ทำรั้วกั้นสัตว์ และใช้ประโยชน์จากที่พิพาท มิใช่เป็นการบอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะการยึดถือ
ดังนั้นแม้ผู้จะรับยกให้ครอบครองที่พิพาทมาเกินสิบปี ก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์
การเปลี่ยนลักษณะการยึดถือตามมาตรา
๑๓๘๑ นั้น จะบอกกล่าวด้วยวาจา ด้วยหนังสือหรือด้วยอากาศกิริยาอย่างใดอันแสดงให้รู้ว่าได้เปลี่ยนการยึดถือก็ได้
เช่น จำเลยเช่าที่พิพาทเมื่อโจทก์นำรังวัดที่พิพาทเพื่อออกโฉนด จำเลยไปคัดค้าน ดังนี้
เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้วการคัดค้านของจำเลย ถือว่าได้แสดงเจตนาเปลี่ยนลักษณะการครอบครองตามมาตรา
๑๓๘๑ แล้ว(ฎีกาที่ ๖๙๖-๗๐๐/๒๔๙๓)
บุคคลผู้อยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อน
(๑) ฎีกาที่ ๘๗๔/๒๔๙๐ ผู้ที่ฟ้องขอให้เพิกถอนตามมาตรา ๑๓๐๐
จะต้องแสดงว่าตนอยู่ในฐานะอันจะจดทะเบียนสิทธิได้ เพียงแต่ได้ความว่าทำสัญญาจะซื้อขายและวางมัดจำไว้เรียกว่าอยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนตามมาตรา
๑๓๐๐
(๒) ฎีกาที่ ๓๐๑๑/๒๕๔๐ การที่ผู้ร้องซื้อที่ดินและได้ชำระราคาครบถ้วนแล้ว
จึงอยู่ในฐานะจดทะเบียนสิทธิได้ก่อนตามมาตรา ๑๓๐๐
อ้างอิง
บัญญัติ
สุชีวะ. คำอธิบายกฎหมายลักษณะทรัพย์ พิมพ์ครั้งที่ ๑๗
ปรับปรุงโดยศาสตราจารย์พิเศษไพโรจน์วายุภาพ. กรุงเทพมหานคร:
สำนักพิมพ์กรุงสยามพับลิชชิ่ง, ๒๕๕๙.
มณทิชา
ภักดีคง. กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยซื้อขาย แลกเปลี่ยน ให้.
กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหง,
๒๕๖๐.
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๔๕๖ การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์
ถ้ามิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นโมฆะ
วิธีนี้ให้ใช้ถึงซื้อขายเรือมีระวางตั้งแต่ห้าตันขึ้นไป
ทั้งซื้อขายแพและสัตว์พาหนะด้วย
สัญญาจะขายหรือจะซื้อ
หรือคำมั่นในการซื้อขายทรัพย์สินตามที่ระบุไว้ในวรรคหนึ่ง
ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อฝ่ายผู้ต้องรับผิดเป็นสำคัญ
หรือได้วางประจำไว้ หรือได้ชำระหนี้บางส่วนแล้ว จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่
มาตรา ๑๓๐๐ ถ้าได้จดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์หรือทรัพยสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์เป็นทางเสียเปรียบแก่บุคคลผู้อยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อนไซร้
ท่านว่าบุคคลนั้นอาจเรียกให้เพิกถอนการจดทะเบียนนั้นได้ แต่การโอนอันมีค่าตอบแทน
ซึ่งผู้รับโอนกระทำการโดยสุจริตนั้น ไม่ว่ากรณีจะเป็นประการใด
ท่านว่าจะเรียกให้เพิกถอนทะเบียนไม่ได้
มาตรา ๑๓๘๑ บุคคลใดยึดถือทรัพย์สินอยู่ในฐานะเป็นผู้แทนผู้ครอบครอง
บุคคลนั้นจะเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือได้
ก็แต่โดยบอกกล่าวไปยังผู้ครอบครองว่าไม่เจตนาจะยึดถือทรัพย์สินแทนผู้ครอบครองต่อไป
หรือตนเองเป็นผู้ครอบครองโดยสุจริต อาศัยอำนาจใหม่อันได้จากบุคคลภายนอก
มาตรา ๑๓๘๒ บุคคลใดครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นไว้โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ
ถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์ได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลาสิบปี
ถ้าเป็นสังหาริมทรัพย์ได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลาห้าปีไซร้ ท่านว่าบุคคลนั้นได้กรรมสิทธิ์
0 Comments
แสดงความคิดเห็น