การที่โจทก์เป็นผู้เสนอราคาสูงสุดในการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลและได้รับอนุญาตให้ขยายระยะเวลาชำระราคาไปจนกว่าคดีที่จำเลยร้องขอเพิกถอนการขายทอดตลาดที่ดินพิพาทถึงที่สุด
ก็เพียงก่อสิทธิแก่โจทก์ว่า โจทก์ยังจะมีสิทธิเป็นผู้ซื้อทรัพย์สินจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลให้สำเร็จลุล่วงต่อไปเท่านั้น
ตราบใดที่โจทก์ยังไม่ได้ชำระราคาค่าซื้อทรัพย์สินตามเงื่อนไขการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลโจทก์ย่อมไม่ใช่ผู้ซื้อทรัพย์สินจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลตาม
ป.พ.พ.มาตรา ๑๓๓๐ เพราะโจทก์อาจผิดสัญญาการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาล ทำให้การขายทอดตลาดไม่สำเร็จได้
โจทก์จึงยังไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลย
ตามนี้ฎีกานี้ จำเลยฎีกาว่าโจทก์ซึ่งเป็นผู้เสนอราคาสูงสุดจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลและได้ชำระราคาบางส่วน
แต่ยังไม่ได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยหรือไม่
เพิ่มเติม
ฎีกาที่ ๒๒๔๑/๒๕๔๐ โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของ
ส. ซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาล
และเจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนโอนเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์แล้ว โจทก์จึงเป็นผู้ได้ไปซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยสมบูรณ์ตาม
ป.พ.พ.มาตรา ๔๕๖ และมาตรา ๑๓๓๐
แม้ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดและคดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นก็ตาม
ก็เป็นเรื่องการเพิกถอนการขายทอดตลาดตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๒๙๖ วรรคสอง
อีกส่วนหนึ่งต่างหาก มิใช่การขายทอดตลาดตกเป็นโมฆะ
เมื่อศาลยังไม่ได้มีคำสั่งให้เพิกถอนการขายทอดตลาด
โจทก์ย่อมเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์โดยสมบูรณ์
มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยผู้อาศัยอยู่ในที่ดินโดยไม่มีสิทธิได้
ตามฎีกาที่ ๑๑๖๒/๒๕๖๑(ประชุมใหญ่)
นี้ หากมีคำพิพากษาให้เพิกถอนการขายทอดตลาดตามคำร้องของจำเลย ต้องถือเสมือนว่าไม่มีการขายทอดตลาด
โจทก์(ผู้ซื้อทรัพย์)จะอ้างความคุ้มครองตามมาตรา ๑๓๓๐
นี้ให้ได้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์นั้นไม่ได้(ฎีกาที่ ๒๖/๒๕๓๗, ๘๒๒๓/๒๕๔๒)
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๑๓๓๐ สิทธิของบุคคลผู้ซื้อทรัพย์สินโดยสุจริตในการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาล
หรือคำสั่งเจ้าพนักงานรักษาทรัพย์ในคดีล้มละลายนั้น ท่านว่ามิเสียไป
ถึงแม้ภายหลังจะพิสูจน์ได้ว่าทรัพย์สินนั้นมิใช่ของจำเลย หรือลูกหนี้โดยคำพิพากษา
หรือผู้ล้มละลาย
0 Comments
แสดงความคิดเห็น