สัญญาสินเชื่อเงินสดมีข้อตกลงว่า จำเลยจะชำระเงินค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินในอัตราร้อยละ
๓.๒๓ ต่อเดือน โดยแบ่งชำระหนี้เป็นงวดรายเดือนในอัตราขั้นต่ำจำนวน ๔,๘๐๐ บาท ซึ่งสัญญากำหนดให้จำเลยชำระเป็นจำนวนเงินขั้นต่ำที่ต้องชำระ
แม้โจทก์จะนำไปหักชำระเป็นต้นเงินและดอกเบี้ยบางส่วนก็ตาม แต่หากจำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามสัญญาและภายในกำหนด
จำเลยต้องชำระเบี้ยปรับและค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินอันเป็นข้อตกลงว่า จำเลยอาจชำระหนี้ในอัตราขั้นสูงเพียงใดก็ได้
และสัญญามิได้กำหนดให้จำเลยต้องผ่อนชำระทุนคืนเป็นเวลากี่งวด ตามสัญญาสินเชื่อเงินสดจึงไม่มีลักษณะผ่อนทุนคืนเป็นงวดๆ
ตาม ป.พ.พ.มาตรา ๑๙๓/๓๓ (๒) ซึ่งมีอายุความ ๕ ปี แต่มีอายุความ ๑๐ ปี ตามมาตรา
๑๙๓/๓๐ เมื่อปรากฏว่า จำเลยผิดนัดชำระค่างวดเงินกู้งวดที่ ๑๒ ซึ่งถึงกำหนดชำระวันที่
๒ มกราคม ๒๕๔๙ บริษัท อ. ย่อมมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระหนี้ได้ทันทีนับแต่จำเลยผิดนัดดังกล่าว
เมื่อโจทก์ได้รับโอนสิทธิเรียกร้องในมูลหนี้กู้ยืมเงินดังกล่าว และฟ้องคดีนี้ในวันที่
๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๕ คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
จำเลยสมัครสินเชื่อเงินสดและทำสัญญาสินเชื่อเงินสดเป็นเงิน ๑๐๐,๐๐๐
บาท ซึ่งขณะที่จำเลยทำสัญญาสินเชื่อเงินสดจากบริษัท ส. เป็นบริษัทจำกัดไม่ใช่สถาบันการเงินตามกฎหมาย
ขณะทำสัญญายังไม่มีประกาศกระทรวงการคลังและประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลสำหรับผู้ประกอบธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงินลงวันที่
๒๐ มิถุนายน ๒๕๔๘ การเรียกดอกเบี้ยเงินกู้จึงต้องอยู่ภายใต้บังคับของ ป.พ.พ.มาตรา
๖๕๔ และ พ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.๒๔๗๕ มาตรา ๓ ห้ามมิให้คิดดอกเบี้ยเกินร้อยละ
๑๕ ต่อปี แม้ตามสัญญาสินเชื่อเงินสดจะกำหนดให้คิดค่าธรรมเนียมการกู้เงิน ๕,๐๐๐ บาท
อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๐.๙๓ ต่อเดือน คิดค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินเดือนละ ๓.๒๓ ต่อเดือน
ซึ่งรวมกันแล้วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดก็ตาม แต่เมื่อจำเลยได้รับเงินกู้ ๑๐๐,๐๐๐ บาท
จากบริษัทดังกล่าวไปครบถ้วนแล้ว บริษัทดังกล่าวคิดดอกเบี้ยกับจำเลยเพียงอัตราร้อยละ
๑๕ ต่อปี ไม่เกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด โจทก์ก็คิดดอกเบี้ยในอัตราผิดนัดร้อยละ
๑๕ ต่อปี โจทก์จึงไม่ได้คิดดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด
ตามฎีกานี้ จำเลยชำระหนี้ให้แก่บริษัท
อ. รวม ๑๑ งวด เป็นเงิน ๖๓,๐๑๒ บาท คิดเป็นเงินต้น ๕๐,๓๖๖.๗๒ บาท ดอกเบี้ย
๑๐,๙๕๕.๗๖ บาท ซึ่งดอกเบี้ยไม่เกินกว่าอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี ซึ่งในระหว่างการชำระหนี้
๑๑ งวด ดังกล่าว ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยผิดนัดที่จำเลยต้องชำระเบี้ยปรับและค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินแต่อย่างใด
เพิ่มเติม
ฎีกาที่ ๓๘๒๙/๒๕๖๐ บันทึกข้อตกลงการรับสภาพหนี้ที่เจ้าหนี้เดิมกับบริษัท
บ. และจำเลยทั้งสามตกลงเปลี่ยนแปลงวิธีการชำระหนี้ตามสัญญาสินเชื่อเดิม
เป็นการกำหนดเงื่อนไขการชำระหนี้ตามข้อตกลงใหม่โดยแบ่งหนี้เป็น ๓ ส่วน โดยหนี้แต่ละส่วนกำหนดจำนวนเงินและกรอบระยะเวลาชำระหนี้ที่แน่นอน
ดังนี้เข้าลักษณะของการกำหนดให้ชำระเงินเพื่อผ่อนทุนคืนเป็นงวด ๆ
จึงมีกำหนดอายุความ ๕ ปี ตาม ป.พ.พ.มาตรา ๑๙๓/๓๓(๒)
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา
๑๙๓/๓๓ สิทธิเรียกร้องดังต่อไปนี้ให้มีกำหนดอายุความห้าปี
(๒)
เงินที่ต้องชำระเพื่อผ่อนทุนคืนเป็นงวด ๆ
0 Comments
แสดงความคิดเห็น