จำเลยตั้ง ส. เป็นทนายความของจำเลยภายหลังศาลชั้นต้นพิพากษาคดีแล้ว
แต่ ส. จะใช้สิทธิในการอุทธรณ์แทนจำเลยก็ต้องได้รับมอบอำนาจจากจำเลยโดยชัดแจ้งให้ใช้สิทธิในการอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นด้วย
ตามใบแต่งทนายความที่จำเลยตั้ง ส. เป็นทนายความระบุให้ ส.
มีอำนาจยอมรับตามที่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งเรียกร้อง การถอนฟ้อง การประนีประนอมยอมความ
และขอให้พิจารณาคดีใหม่ ซึ่งเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลชั้นต้น ไม่ได้ระบุให้มีอำนาจใช้สิทธิในการอุทธรณ์
ส. จึงไม่มีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาใช้สิทธิในการอุทธรณ์แทนจำเลยได้
ตาม ป.วิ.พ.มาตรา ๖๒ ประกอบ ป.วิ.อ.มาตรา ๑๕ ดังนั้น คำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ที่
ส. ลงในมือชื่อเป็นผู้ร้องโดยมีโดยไม่มีอำนาจเป็นคำร้องที่ไม่ชอบ คำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ขยายระยะเวลาอุทธรณ์จึงไม่ชอบ
ทั้งอุทธรณ์ของจำเลยที่ ส. ลงลายมือชื่อเป็นผู้อุทธรณ์โดยไม่มีอำนาจเป็นคำฟ้องอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วย
ป.วิ.อ.มาตรา ๑๕๘(๗) ประกอบมาตรา ๒๑๕
ตามฎีกานี้ การขอขยายอุทธรณ์ไม่ชอบ
และการอุทธรณ์ก็ไม่ชอบ
หมายเหตุท้ายฎีกาโดย
อ.สมชัย ฑีฆาอุตมากร
อ.สมชัยเขียนไว้ว่า
แนวคำพิพากษาศาลฎีกาในระยะหลังๆ ให้มีการแก้ไขในเรื่องใบแต่งทนายความตามมาตรา ๖๒
ได้( คำพิพากษาฎีกาที่ ๒๑๘๔๘/๒๕๕๕ และ ๓๕๐/๒๕๕๘)
คำพิพากษาฎีกานี้กลับไปเดินตามคำพิพากษาฎีกาเดิม
เช่น คำพิพากษาฎีกาที่ ๕๓๑/๒๕๒๔, ๓๓๘๑/๒๕๒๕, ๒๖๘๔/๒๕๓๖, ๕๘๕๘/๒๕๔๘ และ ๙๖๐๙/๒๕๕๓
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา
๖๒ ทนายความซึ่งคู่ความได้ตั้งแต่งนั้นมีอำนาจว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาใด
ๆ แทนคู่ความได้ตามที่เห็นสมควรเพื่อรักษาผลประโยชน์ของคู่ความนั้น
แต่ถ้ากระบวนพิจารณาใดเป็นไปในทางจำหน่ายสิทธิของคู่ความ เช่น การยอมรับตามที่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งเรียกร้อง
การถอนฟ้อง การประนีประนอมยอมความ การสละสิทธิ หรือใช้สิทธิในการอุทธรณ์หรือฎีกา
หรือในการขอให้พิจารณาคดีใหม่
ทนายความไม่มีอำนาจที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาเช่นว่านี้ได้
โดยมิได้รับอำนาจจากตัวความโดยชัดแจ้ง อำนาจโดยชัดแจ้งเช่นว่านี้จะระบุให้ไว้ในใบแต่งทนายสำหรับคดีเรื่องนั้น
หรือทำเป็นใบมอบอำนาจต่างหากในภายหลังใบเดียวหรือหลายใบก็ได้
และในกรณีหลังนี้ให้ใช้บทบัญญัติมาตรา ๖๑ บังคับ
กรณีจะเป็นอย่างไรก็ตาม
ตัวความหรือผู้แทนจะปฏิเสธหรือแก้ไขข้อเท็จจริงที่ทนายความของตนได้กล่าวด้วยวาจาต่อหน้าตนในศาลในขณะนั้นก็ได้
แม้ถึงว่าตัวความหรือผู้แทนนั้นจะมิได้สงวนสิทธิเช่นนั้นไว้ในใบแต่งทนายก็ดี
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา ๑๕๘ ฟ้องต้องทำเป็นหนังสือ
และมี
(๗)
ลายมือชื่อโจทก์ ผู้เรียง ผู้เขียนหรือพิมพ์ฟ้อง
มาตรา ๒๑๕ นอกจากที่บัญญัติมาแล้ว ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยการพิจารณาและว่าด้วยคำพิพากษาและคำสั่งศาลชั้นต้นมาบังคับในชั้นศาลอุทธรณ์ด้วยโดยอนุโลม
0 Comments
แสดงความคิดเห็น