หนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีแรงงานระบุข้อความว่า
“โจทก์ขอมอบอำนาจให้ ช. เป็นผู้รับมอบอำนาจ
โดยให้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์เพื่อยื่นฟ้องและดำเนินคดีแรงงานกับจำเลยทั้งสามในข้อหาผิดสัญญาจ้างแรงงานและให้มีอำนาจดำเนินการในเรื่องอื่นที่เกี่ยวข้องจนกว่าคดีจะถึงที่สุดโดยให้ผู้รับมอบอำนาจมีอำนาจแต่งตั้งทนายความคนเดียวหรือหลายคนเพื่อดำเนินคดีดังกล่าวและให้ผู้รับมอบอำนาจมีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาใดไปในทางจำหน่ายสิทธิของโจทก์ได้ด้วย
เช่น การยอมรับตามที่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งเรียกร้อง การถอนฟ้อง การประนีประนอมยอมความ
การสละสิทธิหรือใช้สิทธิในการอุทธรณ์หรือฎีกา หรือในการขอพิจารณาคดีใหม่ กับให้ผู้รับมอบอำนาจมีอำนาจรับเงินหรือเอกสารจากศาลหรือจากคู่ความได้ด้วย”
ถือว่าเป็นการมอบอำนาจให้ ช. ฟ้องร้องดำเนินคดีแก่จำเลยทั้งสามข้อหาผิดสัญญาจ้างแรงงาน
มิได้มอบอำนาจให้ฟ้องคดีเรื่องอื่นต่อจำเลยทั้งสามหรือฟ้องบุคคลอื่นอันเป็นการกระทำมากกว่าครั้งเดียว
แม้ตามหนังสือมอบอำนาจจะระบุให้ผู้รับมอบอำนาจมีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาอื่นๆได้ด้วยก็ตาม
แต่เป็นเพียงวิธีการที่เกี่ยวกับการฟ้องร้องดำเนินคดีแก่จำเลยทั้งสามเท่านั้น จึงถือว่าเป็นการมอบอำนาจให้บุคคลเดียวกระทำการครั้งเดียว
ซึ่งตามบัญชีอัตราอากรแสตมป์ท้ายประมวลรัษฎากร ข้อ ๗ (ก) กำหนดให้ปิดอากรแสตมป์ ๑๐
บาท เมื่อโจทก์ปิดอากรแสตมป์ในหนังสือมอบอำนาจ ๑๐ บาท ครบถ้วนถูกต้องตามกฎหมายและขีดฆ่าแล้ว
หนังสือมอบอำนาจย่อมใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีนี้ได้ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลรัษฎากร
มาตรา ๑๑๘
เพิ่มเติม
มอบอำนาจให้ดำเนินคดีเดียวถือว่าเป็นการมอบอำนาจให้กระทำการครั้งเดียว
ปิดอากรแสตมป์ ๑๐ บาท ดูฎีกาที่ ๒๗๒๓/๒๕๕๙
ฎีกาที่ ๒๗๒๓/๒๕๕๙ ตามหนังสือมอบอำนาจมีใจความชัดเจนว่า
ขอมอบอำนาจให้ อ. เป็นตัวแทนฟ้องร้องดำเนินคดีแก่จำเลยทั้งสิบ
อันเป็นการมอบอำนาจให้ อ. ฟ้องคดีนี้แทนโจทก์ทั้งสามเพียงคดีเดียว
ถือว่าเป็นการมอบอำนาจให้กระทำการครั้งเดียว
และแม้โจทก์ทั้งสามมอบอำนาจในตราสารเดียวกันก็ต้องคิดตามรายบุคคล
จึงต้องปิดอากรแสตมป์รายละ ๑๐ บาท ตามบัญชีอัตราแสตมป์ ลักษณะแห่งตราสารข้อ ๗ (ก) ท้ายหมวด ๖ แห่งประมวลรัษฎากร
ใบมอบอำนาจปิดอากรแสตมป์มา ๓๐ บาท
จึงครบถ้วนบริบูรณ์ใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้
ฎีกาที่ ๕๙๕๑/๒๕๕๘ การปิดแสตมป์ในหนังสือมอบอำนาจจึงสามารถกระทำในระหว่างพิจารณาคดีหรือสืบพยานได้
หาใช่ต้องปิดแสตมป์ในขณะที่ยื่นฟ้องไม่ เช่นนี้
แม้ขณะฟ้องโจทก์ทั้งสองปิดแสตมป์หนังสือมอบอำนาจเพียง ๓๐ บาท แต่เมื่อในการสืบพยาน
โจทก์ทั้งสองปิดแสตมป์ในหนังสือมอบอำนาจเป็นจำนวน ๖๐ บาท ครบถ้วน
จึงรับฟังเป็นพยานหลักฐานในคดีว่าโจทก์ทั้งสองมอบอำนาจให้ ส. ฟ้องและดำเนินคดีแทน
ฎีกาที่ ๔๔๙๙/๒๕๕๘ ป.รัษฎากร มาตรา
๑๑๘ บทบัญญัตินี้ไม่ได้บังคับให้ต้องปิดอากรแสตมป์และขีดฆ่าในขณะที่ทำตราสารแต่อย่างใด
และมิได้บัญญัติว่า ตราสารที่มิได้ปิดอากรแสตมป์หรือขีดฆ่าใช้บังคับไม่ได้
แต่กลับบัญญัติให้มีการปิดอากรแสตมป์และขีดฆ่าในภายหลังได้ ดังนั้น
เมื่อหนังสือมอบอำนาจได้ปิดอากรแสตมป์แล้วและศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขีดฆ่าในระหว่างการพิจารณาจึงเป็นเอกสารที่รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้
ประมวลรัษฎากร
มาตรา ๑๑๘ ตราสารใดไม่ปิดแสตมป์บริบูรณ์
จะใช้ต้นฉบับ คู่ฉบับ คู่ฉีก หรือสำเนาตราสารนั้นเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้
จนกว่าจะได้เสียอากรโดยปิดแสตมป์ครบจำนวนตามอัตราในบัญชีท้ายหมวดนี้ และขีดฆ่าแล้ว แต่ทั้งนี้
ไม่เป็นการเสื่อมสิทธิที่จะเรียกเงินเพิ่มอากรตามมาตรา ๑๑๓ และมาตรา ๑๑๔
บัญชีอัตราอากรแสตมป์
ข้อ ๗ ใบมอบอำนาจ คือ
ใบตั้งตัวแทนซึ่งมิได้กระทำในรูปลักษณะตราสารสัญญา รวมทั้งใบตั้งอนุญาโตตุลาการ
(ก)
มอบอำนาจให้บุคคลคนเดียวหรือหลายคนกระทำการครั้งเดียว ๑๐ บาท
0 Comments
แสดงความคิดเห็น