ความรับผิดตามสัญญาประกันเป็นความรับผิดทางแพ่ง เมื่อศาลชั้นต้นซึ่งเป็นศาลในชั้นที่สุดมีคำพิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามสัญญาประกันพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ การที่โจทก์จะใช้สิทธิบังคับคดีย่อมต้องอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ.มาตรา ๒๗๑ (เดิม) หรือตามมาตรา ๒๗๔ ที่แก้ไขใหม่ ซึ่งกำหนดให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาชอบที่จะร้องขอให้มีการบังคับคดีภายในสิบปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษาหรือคำสั่ง หาใช่ว่าจะมีสิทธิขอบังคับคดีเมื่อใดก็ได้โดยไม่มีเวลาจำกัด
               ศาลชั้นต้นซึ่งเป็นศาลในชั้นที่สุดมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๔๙ ให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ ๒๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันผิดนัดวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๔๗ จนกว่าจะชำระเสร็จ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้เป็นเงิน ๒,๐๐๐ บาท คำขออื่นนอกจากนี้ ให้ยก จำเลยไม่ชำระ ต่อมาเมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๙ โจทก์ได้ยื่นคำขอต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีให้ยึดที่ดินของจำเลย และเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดที่ดินของจำเลยเมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๙ และเมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๕๙ โจทก์ยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีให้อายัดเงินในบัญชีเงินฝากของจำเลยชำระหนี้ตามคำพิพากษาแก่โจทก์ และเจ้าพนักงานบังคับคดีได้มีหนังสืออายัดไปยังธนาคาร พ. วันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๙ ธนาคาร พ. ส่งเงินตามคำสั่งอายัดไปยังเจ้าพนักงานบังคับคดี อันเห็นได้ว่า โจทก์ได้ดำเนินการบังคับคดีโดยขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดบัญชีเงินฝาก และยึดที่ดินดังกล่าวของจำเลยเมื่อล่วงพ้นกำหนดสิบปีนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นซึ่งเป็นศาลในชั้นที่สุดมีคำพิพากษาแล้ว อันเป็นการมิได้ดำเนินการบังคับคดีภายในกำหนดสิบปีนับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๒๗๑ (เดิม) หรือตามมาตรา ๒๗๔ ที่แก้ไขใหม่ โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะบังคับคดีแก่เงินฝากและที่ดินดังกล่าวของจำเลยอีกต่อไป

เพิ่มเติม
               กำหนดระยะเวลาสิบปีนับแต่วันที่มีคำพิพากษาหรือคำสั่งตามมาตรา ๒๗๔ วรรคหนึ่ง หมายความถึง วันที่มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชั้นที่สุดในคดีนั้น ไม่ใช่วันที่คำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ มาตรา ๑๔๗ วรรคสอง (เทียบฎีกาที่ ๑๐๗๓๑/๒๕๕๘ (ประชุมใหญ่), ๔๖๗๓ กลับฎีกาที่ ๔๓๘/๒๕๓๔, ๕๓๕๙/๒๕๓๔, ๑๖๕๙/๒๕๔๔, ๕๘๗๗/๒๕๕๑, ๒๓๒๕/๒๕๕๒ ๓๑๙๓/๒๕๕๓, ๓๗๑๔-๓๗๑๗/๒๕๕๔, ๕๐๑๖/๒๕๕๕, ๘๕๖๘/๒๕๕๗)

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
               มาตรา ๒๗๔ ถ้าคู่ความหรือบุคคลซึ่งเป็นฝ่ายแพ้คดีหรือบุคคลที่ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ชำระหนี้ (ลูกหนี้ตามคำพิพากษา) มิได้ปฏิบัติตามคำบังคับที่ออกตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลทั้งหมดหรือบางส่วน คู่ความหรือบุคคลซึ่งเป็นฝ่ายชนะคดีหรือบุคคลที่ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ได้รับชำระหนี้ (เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา) ชอบที่จะร้องขอให้มีการบังคับคดีโดยวิธียึดทรัพย์สิน อายัดสิทธิเรียกร้องหรือบังคับคดีโดยวิธีอื่นตามบทบัญญัติแห่งภาคนี้ภายในสิบปีนับแต่วันที่มีคำพิพากษาหรือคำสั่ง และถ้าเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้ร้องขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สิน หรืออายัดสิทธิเรียกร้องใดไว้หรือได้ดำเนินการบังคับคดีโดยวิธีอื่นไว้บางส่วนแล้วภายใน ระยะเวลาดังกล่าว ก็ให้ดำเนินการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินหรือสิทธิเรียกร้อง หรือบังคับคดีโดยวิธีอื่นนั้นต่อไปจนแล้วเสร็จได้
              
อ้างอิง
สมชัย ฑีฆาอุตมากร. ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง การบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง ฉบับสมบูรณ์. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์กรุงสยามพับลิชชิ่ง, ๒๕๖๑.