โจทก์ที่ ๑
ได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานในกฎหมาย ตาม ป.พ.พ.มาตรา ๖ ว่าโจทก์ที่ ๑
ใช้สิทธิฟ้องคดีนี้โดยสุจริต จำเลยที่ ๒ ต้องให้การโดยแจ้งชัดว่าโจทก์ที่ ๑
ใช้สิทธิฟ้องคดีโดยไม่สุจริตอย่างไร เพื่อให้เป็นประเด็นข้อพิพาทในคำให้การจึงจะนำสืบหรือยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์ฎีกาเพื่อหักล้างข้อสันนิษฐานในกฎหมายได้ แต่จำเลยที่ ๒ มิได้ให้การต่อสู้ในเรื่องโจทก์ที่ ๑ ใช้สิทธิฟ้องคดีโดยไม่สุจริตไว้ในคำให้การย่อมไม่ก่อให้เกิดประเด็นข้อพิพาท
ถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ ๒ ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลล่างทั้งสอง
ต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.พ.มาตรา ๒๔๙ (เดิม) ซึ่งใช้บังคับขณะยื่นฟ้อง
ในการยื่นคำให้การต่อสู้คดีของจำเลยนั้น
จำเลยต้องแสดงให้ชัดแจ้งในคำให้การว่า จำเลยยอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้นหรือแต่บางส่วน
รวมทั้งแสดงเหตุแห่งการปฏิเสธนั้นตาม ป.วิ.พ.มาตรา ๑๗๗ วรรคสอง ทั้งนี้เพื่อก่อให้เกิดประเด็นข้อพิพาทที่คู่ความต้องนำพยานหลักฐานเข้าสืบ
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า โจทก์ที่ ๑ ไม่มีรายได้จากการทำงานพิเศษ จึงไม่ได้รับความเสียหาย
จำเลยที่ ๒ ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ที่ ๑ แต่อุทธรณ์ของจำเลยที่ ๒ ที่ว่า โจทก์ที่ ๑
ไม่ได้เป็นผู้จ่ายค่ารักษาพยาบาล บริษัทที่รับประกันภัยวินาศภัยและประกันชีวิตของโจทก์ที่
๑ เป็นผู้จ่ายทั้งหมดโจทก์ที่ ๑ ไม่ได้รับความเสียหายจำเลยที่ ๒
ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ เป็นการยกข้อเท็จจริงขึ้นมาใหม่มาเป็นเหตุแห่งการปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ที่
๑ ซึ่งเป็นคนละเหตุกับที่จำเลยที่ ๒ ให้การไว้ แม้จำเลยที่ ๒ จะนำข้อเท็จจริงที่ได้ความจากชั้นพิจารณามาอุทธรณ์ก็ตาม
แต่ไม่ได้ เป็นข้อเท็จจริงที่อยู่ในประเด็นข้อพิพาทตามคำให้การ
ถือได้ว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ต้องห้ามอุทธรณ์
ตาม ป.วิ.พ.มาตรา ๒๒๕ วรรคหนึ่ง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา ๒๒๕ ข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมาย
ที่จะยกขึ้นอ้างในการยื่นอุทธรณ์นั้นคู่ความจะต้องกล่าวไว้โดยชัด
แจ้งในอุทธรณ์และต้องเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบใน ศาลชั้นต้น
ทั้งจะต้องเป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยด้วย
ถ้าคู่ความฝ่ายใดมิได้ยกปัญหาข้อใดอันเกี่ยวด้วย
ความสงบเรียบร้อยของประชาชนขึ้นกล่าวในศาลชั้นต้นหรือคู่ความ
ฝ่ายใดไม่สามารถยกปัญหาข้อกฎหมายใด ๆ ขึ้นกล่าวในศาลชั้นต้น เพราะพฤติการณ์ไม่เปิดช่องให้กระทำได้
หรือเพราะเหตุเป็นเรื่องที่ ไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติว่าด้วยกระบวนพิจารณาชั้นอุทธรณ์
คู่ความที่เกี่ยวข้องย่อมมีสิทธิที่จะยกขึ้นอ้างซึ่งปัญหาเช่นว่านั้นได้
เพิ่มเติม
ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่อาจอุทธรณ์ได้
๑. ต้องกล่าวโดยชัดแจ้งในอุทธรณ์
๒.
ต้องเป็นข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น
๓. ต้องเป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย
ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่อุทธรณ์ต้องยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น
จะต้องเป็นข้อที่ได้กล่าวอ้างในคำฟ้องหรือต่อสู้ในคำให้การ
ข้อที่ว่ากันมาแล้วหรือมิได้ว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นหรือไม่
จะต้องพิจารณาจากคำฟ้อง คำให้การ และประเด็นข้อพิพาทในคดีเป็นสำคัญ ไม่ใช่พิจารณาจากข้อเท็จจริงและการนำสืบพยานหลักฐานในชั้นพิจารณา
แม้จำเลยจะได้ถามค้านพยานโจทก์ไว้โดยชัดแจ้ง แต่เมื่อไม่ได้ให้การต่อสู้เป็นประเด็นข้อพิพาทไว้
ก็ไม่ใช่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น(ฎีกาที่ ๒๗๔๒/๒๕๕๖)
อ้างอิง
สมศักดิ์
เอี่ยมพลับใหญ่. หลักทฤษฎีพื้นฐาน - ปฏิบัติอย่างมืออาชีพ อุทธรณ์ - ฎีกา คดีแพ่ง
– คดีอาญา. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์บัณฑิตอักษร, ๒๕๕๘.
0 Comments
แสดงความคิดเห็น