ป.พ.พ.มาตรา ๗๐ บัญญัติว่า
นิติบุคคลต้องมีผู้แทนคนหนึ่งหรือหลายคน ทั้งนี้ ตามที่กฎหมาย ข้อบังคับ หรือ
ตราสารจัดตั้งจะได้กำหนดไว้ ความประสงค์ของนิติบุคคลย่อมแสดงออกโดยผู้แทนของนิติบุคคล
และมาตรา ๗๑ บัญญัติว่า ในกรณีที่นิติบุคคลมีผู้แทนหลายคน การดำเนินกิจการของนิติบุคคลให้เป็นไปตามเสียงข้างมากของผู้แทนของนิติบุคคลนั้น
เว้นแต่จะได้มีข้อกำหนดไว้เป็นประการอื่นในกฎหมาย ข้อบังคับ หรือตราสารจัดตั้ง
ดังนี้ เมื่อตามหนังสือรับรองของโจทก์ระบุรายชื่อกรรมการของโจทก์ อำนาจกระทำการแทนและจำนวนกับชื่อกรรมการที่จะลงชื่อเป็นสำคัญผูกพันโจทก์ได้
ซึ่งล้วนเป็นรายการที่มีการจดทะเบียนไว้ในคำขอจดทะเบียนบริษัทตาม ป.พ.พ.มาตรา ๑๑๑๑
(๖) จึงเป็นกรณีที่โจทก์ซึ่งเป็นนิติบุคคล ประเภทบริษัทจำกัดมีข้อกำหนดเกี่ยวกับผู้แทนนิติบุคคลไว้เป็นการเฉพาะในตราสารจัดตั้งแล้วว่าบุคคลซึ่งจะมีอำนาจกระทำการแทนโจทก์จะต้องเป็นกรรมการผู้มีอำนาจในการลงชื่อเป็นสำคัญผูกพันโจทก์ได้
ทั้งจะต้องลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของโจทก์ตามที่ระบุไว้ในหนังสือรับรองดังกล่าวเท่านั้น
หาใช่เป็นกรณีที่จะต้องเป็นไปตามเสียงข้างมากของคณะกรรมการของโจทก์ ซึ่งเป็นผู้แทนนิติบุคคลไม่
ตามฎีกานี้
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา ปัญหาจึงมีอยู่ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องคดีนี้หรือไม่
โดยโจทก์ฎีกาว่า แม้ความประสงค์ของบริษัทซึ่งเป็นนิติบุคคลจะแสดงออกโดยแทนนิติบุคคลก็ตาม
แต่กรณีที่นิติบุคคลมีผู้แทนหลายคน การดำเนินกิจการของ
นิติบุคคลนั้นจะต้องเป็นไปตามเสียงข้างมากของผู้แทนนิติบุคคลตามที่บัญญัติไว้ใน ป.พ.พ.มาตรา
๗๑ เมื่อการมอบอำนาจให้ฟ้องคดีของโจทก์เป็นไปตามเสียงข้างมากของที่ประชุมคณะกรรมการซึ่งดำเนินการตามข้อบังคับของโจทก์
ข้อ ๑๙ และข้อ ๒๑ และเป็นการมอบอำนาจให้ยื่นฟ้องต่อศาลตาม ป.พ.พ.มาตรา ๘๐๑ วรรคสอง
(๕) โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องคดีนี้ ซึ่งศาลฎีกาวินิจฉัยว่า
“ส่วนที่ข้อบังคับของโจทก์
ข้อ ๑๙ วรรคหนึ่ง กำหนดให้คณะกรรมการของโจทก์เป็นผู้ดำเนินกิจการของโจทก์โดยอยู่ภายใต้
การควบคุมของที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นและเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับ และข้อ ๒๑
วรรคสอง (๓) กำหนดให้ประธานกรรมการของโจทก์เป็นผู้รับผิดชอบหน้าที่อื่นใดที่คณะกรรมการของโจทก์มอบหมายโดยชัดแจ้งนั้น
ข้อบังคับของ โจทก์ดังกล่าวเป็นเพียงข้อกำหนดให้คณะกรรมการของโจทก์มีความรับผิดชอบต่อการดำเนินกิจการของโจทก์เพื่อประโยชน์ของบรรดาผู้ถือหุ้นของโจทก์เท่านั้น
โดยในการนี้คณะกรรมการของโจทก์จะมอบหมายให้ประธานกรรมการของโจทก์เป็นผู้รับผิดชอบในหน้าที่จัดการงานอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้อันเป็นเรื่องภายในของโจทก์ซึ่งเป็นความเกี่ยวพันในระหว่างกรรมการบริษัท
และผู้ถือหุ้นเท่านั้น หาได้มีความหมายว่าคณะกรรมการของโจทก์มีอำนาจที่จะมอบหมายให้ประธานกรรมการของโจทก์เป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ซึ่งเป็นความเกี่ยวพันในระหว่าง
กรรมการบริษัท และบุคคลภายนอกแต่อย่างใด
หากโจทก์ไม่ได้รับความร่วมมือจากกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ในการฟ้องคดีนี้ก็เป็นเรื่องที่โจทก์จะต้องพิจารณาว่าจะสามารถดำเนินการเปลี่ยนตัวผู้แทนนิติบุคคล
จำกัดหรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงอำนาจของผู้แทนนิติบุคคล หรือจะขอให้ผู้มีส่วนได้เสียหรือพนักงานอัยการร้องขอต่อศาลให้แต่งตั้งผู้แทนเฉพาะการของนิติบุคคลตาม
ป.พ.พ.มาตรา ๗๒ ถึงมาตรา ๗๕ ได้หรือไม่ ข้อบังคับของโจทก์ดังกล่าวมิใช่ข้อกำหนด
ซึ่งให้อำนาจแก่คณะกรรมการของโจทก์ในการแก้ไขปัญหา
กรณีที่ไม่ได้รับความร่วมมือจากกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ดังที่
โจทก์ฎีกาแต่อย่างใด การที่คณะกรรมการของโจทก์โดยเสียงข้างมากมอบหมายให้ ส. ประธานกรรมการของโจทก์
เป็นผู้ฟ้องคดีนี้ จึงไม่มีผลเท่ากับว่า โจทก์เป็นผู้ฟ้องคดีเอง
กรณีจำเป็นที่จะต้องมีหนังสือมอบอำนาจให้ ส. เป็นผู้มีอำนาจดำเนินการฟ้องคดีนี้แทนโจทก์
เมื่อไม่ปรากฏว่า ฮ. หรือ ฟ. ลงลายมือชื่อร่วมกับ ส. หรือ ท. หรือ ต. รวมเป็นสองคนและประทับตราสำคัญของโจทก์ในหนังสือมอบอำนาจ
กรณีย่อมไม่อาจถือได้ว่าโจทก์มอบอำนาจให้ยื่นฟ้องต่อศาลตาม ป.พ.พ.มาตรา ๘๐๑
วรรคสอง (๕) ส. จึงมิใช่ผู้รับมอบอำนาจของโจทก์ในการฟ้องคดีและไม่มีอำนาจแต่งตั้งทนายความโจทก์ในการฟ้องคดีนี้
โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง”
เพิ่มเติม
การดำเนินกิจการของนิติบุคคลกรณีมีผู้แทนนิติบุคคลหลายคน
และไม่ได้มีข้อกำหนดไว้เป็นประการอื่นในข้อบังคับหรือตราสารจัดตั้งหรือมิได้บัญญัติไว้เป็นประการอื่นในการจัดตั้งนิติบุคคล
การดำเนินกิจการของนิติบุคคลนั้นจะต้องเป็นไปตามเสียงข้างมากของผู้แทนนิติบุคคลทั้งหลายด้วยกันตาม
มาตรา ๗๑
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๑๑๑๑ เมื่อจำนวนเงินซึ่งว่าไว้ในมาตรา
๑๑๑๐ ได้ใช้เสร็จแล้ว กรรมการต้องไปขอจดทะเบียนบริษัทนั้น
คำขอและข้อความที่ลงในทะเบียนนั้น
ให้ระบุรายการตามที่ได้ตกลงกันในที่ประชุมตั้งบริษัท ดังต่อไปนี้ คือ
(๖)
ถ้าให้กรรมการต่างมีอำนาจจัดการของบริษัทได้โดยลำพังตัวให้แสดงอำนาจของกรรมการนั้น
ๆ ว่าคนใดมีเพียงใด และบอกจำนวนหรือชื่อกรรมการซึ่งจะลงชื่อเป็นสำคัญผูกพันบริษัทได้นั้น
อ้างอิง
กันย์กัญญา
ใจการวงค์สกุล. กฎหมายแพ่ง หลักทั่วไป. กรุงเทพฯ: สํานักพิมพ์วิญญูชน, ๒๕๖๐.
0 Comments
แสดงความคิดเห็น