จำเลยที่ ๑ เป็นเจ้าของสื่ออิเล็กทรอนิกส์เว็บไซต์ออนไลน์เป็นผู้นำเสนอข่าวสารทางระบบคอมพิวเตอร์ในนามของตนเองย่อมเป็นผู้ให้บริการตามบทนิยามตามพระราชบัญญัติจดแจ้งการพิมพ์
พ.ศ.๒๕๕๐ มาตรา ๓ และการที่เว็บไซต์ออนไลน์เสนอข่าวใด ๆ ย่อมถือว่าจำเลยที่ ๑ ในฐานะเจ้าของและเป็นผู้ให้บริการยินยอมให้มีการนำเสนอข่าวแล้ว
จำเลยที่ ๑ จะอ้างว่าได้มอบให้บุคคลอื่นควบคุมดูแลบริหารจัดการเว็บไซต์โดยจำเลยที่
๑ มิได้เกี่ยวข้องกับข่าวเลยหาได้ไม่เพราะพระราชบัญญัติดังกล่าวมีเจตนารมณ์มุ่งประสงค์จะควบคุมการทำหน้าที่ของผู้ให้บริการโดยเฉพาะ
เว็บไซต์ของจำเลยที่ ๑ เสนอข่าวระบุว่าโจทก์เป็นแกนนำในการที่เกษตรกรชาวสวนยางพาราและชาวสวนปาล์มชุมนุมปิดถนนให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาราคายางพารา
โดยกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงมีการนำรถบรรทุกสิบล้อมาปิดถนน จนรถทุกประเภทไม่สามารถสัญจรไปมาได้
เป็นเหตุให้เส้นทางทั้งขาขึ้นและขาล่องมีรถติดยาวไม่ต่ำกว่า ๒ กิโลเมตร ทั้งที่โจทก์มิได้เป็นแกนนำหรือเข้าร่วมการชุมนุมตามข่าวที่ปรากฏ
ถือได้ว่าข่าวหรือข้อมูลที่เกี่ยวกับตัวโจทก์เป็นข้อมูลอันเป็นเท็จเมื่อข่าวดังกล่าวระบุว่าการชุมนุมมีการนำรถบรรทุกสิบล้อมาปิดถนน
อันเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เป็นเหตุได้รถทุกประเภทไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชนย่อมทำให้โจทก์ซึ่งตามข่าวระบุว่าเป็นแกนนำการชุมนุมได้รับความเสียหายแก่ชื่อเสียงได้
การกระทำของจำเลยที่ ๑ ที่เป็นผู้ให้บริการยินยอมให้มีการนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์หรือประชาชนจึงเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
พ.ศ.๒๕๕๐ มาตรา ๑๕ ประกอบมาตรา ๑๔(๑)
หนังสือพิมพ์รายวันของจำเลยที่ ๑ เผยแพร่และวางจำหน่ายทั่วราชอาณาจักร
ส่วนเว็บไซต์ออนไลน์ซึ่งจำเลยที่ ๑ เป็นเจ้าของและผู้ให้บริการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
พ.ศ.๒๕๕๐ มาตรา ๓ เผยแพร่โดยระบบสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ ผู้สนใจสามารถติดตามข่าวได้ทั่วราชอาณาจักรเช่นเดียวกัน
ถือได้ว่าการกระทำตามฟ้องเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกรทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
พ.ศ.๒๕๕๐ มาตรา ๑๕ ประกอบมาตรา ๑๔(๑) เกิดขึ้นทั่วราชอาณาจักร
โจทก์ใช้สิทธิฟ้องคดีนี้ต่อศาลชั้นต้นได้ ไม่ถือว่าเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
ข้อเท็จจริง
โจทก์ดำรงตำแหน่งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบล
จำเลยที่ ๑
เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด(มหาชน) มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการเกี่ยวกับสิ่งพิมพ์ออกหนังสือพิมพ์รายวัน
และประกอบกิจการสื่ออิเล็กทรอนิกส์
จำเลยที่ ๑
เป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์รายวัน และสื่ออิเล็กทรอนิกส์เว็บไซต์ออนไลน์
จำเลยที่ ๑ อ้างว่า
ข่าวระบุแต่เพียงว่าโจทก์เป็นแกนนำ ซึ่งมีความหมายว่า โจทก์เป็นแกนนำกลุ่มเกษตรกร
ไม่ใช่แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมที่ประท้วงปิดถนนแต่อย่างใด ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า
ตามข่าวมิได้แยกการกระทำของแกนนำดังที่จำเลยที่ ๑ กล่าวอ้าง
จึงย่อมฟังได้ว่าโจทก์เป็นแกนนำทั้งการชุมนุมประท้วงและการปิดถนนด้วย
เพิ่มเติม
การกระทำความผิดตามมาตรา ๑๔(๑)
แห่งพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐ มุ่งคุ้มครองประโยชน์สาธารณะเป็นสำคัญ
ดังที่มีถ้อยคำในตอนท้ายว่า “อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา”
ซึ่งอาจมีได้ทั้งกรณีที่กระทำต่อประชาชน และ เป็นการกระทำต่อบุคคลใดบุคลหนึ่งโดยเฉพาะ
พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
พ.ศ.๒๕๕๐
มาตรา ๑๔ ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
(๑) โดยทุจริต
หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน
หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน
อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา
อ้างอิง
สุพิศ ปราณีตพลกรัง. กฎหมาย ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์.
กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์นิติธรรม, 2560.
0 Comments
แสดงความคิดเห็น