การกระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน แม้การกระทำนั้นจะมีมูลคดีเกิดจากการกระทำเรื่องเดียวกันและเป็นข้อเท็จจริงเดียวกันทั้งหมด
แต่โดยสภาพแห่งการกระทำเป็นการกระทำต่อบุคคลหลายคนซึ่งอาจกระทำต่อบุคคลเหล่านั้นต่างวาระกันได้ ส่วนที่จะเป็นความผิดกรรมเดียว
หรือหลายกรรมย่อมขึ้นอยู่กับลักษณะของการกระทำที่มีเจตนามุ่งกระทำเพื่อให้เกิดผลต่อผู้เสียหายหรือประชาชนเพียงครั้งเดียวหรือหลายครั้ง
มิได้พิจารณาจากจำนวนผู้เสียหายหรือประชาชนที่ถูกหลอกลวงแต่ละคนเพียงอย่างเดียว
จำเลยที่ ๓ ยอมรับในฎีกาว่า ผู้เสียหายแต่ละคนได้แยกฟ้องจำเลยที่ ๓ คนละศาลต่างกันตามสถานที่เกิดเหตุ ดังนี้ การกระทำความผิดของจำเลยที่
๓ ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๑๓๖/๒๕๕๙ ของศาลจังหวัดพล คดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๒๙๒๕/๒๕๕๙
ของศาลจังหวัดร้อยเอ็ด คดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๓๘๐๘/๒๕๕๘ และ ๒๔๑๗/๒๕๕๙
ของศาลชั้นต้น จึงไม่ใช่การกระทำความผิดกรรมเดียวกันกับคดีนี้
และแม้คดีนี้จะปรากฏข้อเท็จจริงว่าในระหว่างเดือนเมษายน ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๒๓ พฤษภาคม
๒๕๕๗ เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยที่ ๓ กับพวกร่วมกันหลอกลวงประชาชนทั่วไปรวมทั้งผู้เสียหายทั้งสามสิบคนด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จและปกปิดข้อเท็จจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งตามฟ้อง
ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันก็ตาม แต่เมื่อการกระทำดังกล่าวเป็นผลให้ผู้เสียหายทั้งสามสิบคนหลงเชื่อและนำเงินมาให้จำเลยที่ ๓ กับพวก ก็ถือได้ว่าเป็นความผิดฐานฉ้อโกงสำเร็จสำหรับผู้เสียหายแต่ละคน
จึงเป็นความผิดหลายกรรมตามจำนวนผู้เสียหาย
คือ ๓๐ กรรม และมีผลทำให้ฟ้องโจทก์คดีนี้ไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีอาญาหมายเลขแดงที่
๑๓๖/๒๕๕๙ ของศาลจังหวัดพล และคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๒๙๒๕/๒๕๕๔
ของศาลจังหวัดร้อยเอ็ด ตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๓๙ (๔)
ตามฎีกานี้ มีปัญหาว่าการกระทำของจำเลยที่
๓ เป็นความผิดกรรมเดียวหรือไม่ ซึ่งจำเลยที่ ๓
พูดว่าสามารถดำเนินการให้ผู้เสียหายที่เป็นผู้สมัครสอบเข้ารับราชการในตำแหน่งต่างๆ
ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามที่ต้องการได้
ซึ่งจะมีการสอบเพียงครั้งเดียวกันในปี ๒๕๕๖
เพียงแต่ผู้เสียหายที่เป็นผู้สมัครสอบนำเงินมาให้คนละวัน โดยผู้เสียหายได้แยกฟ้องคนละศาลต่างกันตามสถานที่เกิดเหตุ
เพิ่มเติม
ทฤษฎีผู้เสียหายต่างราย หมายถึง
การกระทำผิดต่อผู้เสียหาย
หลายรายหรือต่างราย แม้จะทำต่อเนื่องกัน
ก็เป็นความผิดหลายกรรม
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๙๑
เมื่อปรากฏว่าผู้ใดได้กระทำการอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
ให้ศาลลงโทษผู้นั้นทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป แต่ไม่ว่าจะมีการเพิ่มโทษ ลดโทษ
หรือลดมาตราส่วนโทษด้วยหรือไม่ก็ตาม เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว โทษจำคุกทั้งสิ้นต้องไม่เกินกำหนดดังต่อไปนี้
(๑) สิบปี สำหรับกรณีความผิดกระทงที่หนักที่สุดมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงไม่เกินสามปี (๒)
ยี่สิบปี สำหรับกรณีความผิดกระทงที่หนักที่สุดมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกินสามปีแต่ไม่เกินสิบปี
(๓) ห้าสิบปี สำหรับกรณีความผิดกระทงที่หนักที่สุดมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกินสิบปีขึ้นไป เว้นแต่กรณีที่ศาลลงโทษจำคุกตลอดชีวิต
อ้างอิง
รุ่งโรจน์ รื่นเริงวงศ์. คำอธิบายสิบทฤษฎี
ผิดกรรมเดียว หรือหลายกรรม ทำผิดหลายอย่าง
หลายวันเวลา แต่ผิดกรรมเดียว
ทำผิดอย่างเดียว วันเวลาเดียว กลับผิดหลายกรรม
รวมหลายอย่าง
คำพิพากษาฎีกาที่กลับตาลปัตร. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ห้างหุ้นส่วนจำกัด พิมพ์อักษร, 2559.
0 Comments
แสดงความคิดเห็น