โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินและเรียกค่าเสียหายจำเลยให้การว่า จำเลยซื้อที่ดินพิพาทจาก ล.
โดยไม่ได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ จึงตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๔๕๖ วรรคหนึ่ง จำเลยอ้างว่าสร้างบ้านบนที่ดินอยู่อาศัยมาตั้งแต่ปี
๒๕๓๐ โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของจนถึงปัจจุบัน จำเลยได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองตามกฎหมาย
เป็นการต่อสู้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท จึงเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้มีทุนทรัพย์ตามราคาที่ดินพิพาท
รวมกับค่าเสียหายรายเดือนที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระแก่โจทก์ถึงวันฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ ยกฟ้อง เมื่อจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์ไม่เกินห้าหมื่นบาท
จึงต้องห้ามมิให้คู่ความอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา ๒๒๔ วรรคหนึ่ง
ตามฎีกานี้ ทุนทรัพย์ตามราคาที่ดินพิพาท ๔๗,๒๕๐ บาท
ซึ่งคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากที่ดินพิพาท
และให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ ๒,๐๐๐ บาท นับตั้งแต่วันที่ ๑๒ กันยายน
๒๕๕๘ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับถัดจากวันฟ้อง(ฟ้องวันที่ ๗ ตุลาคม
๒๕๕๘) เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยและบริวารจะขนย้ายทรัพย์สินออกจากที่ดินพิพาท... ซึ่งราคาที่ดินพิพาท ๔๗,๒๕๐ บาท รวมกับค่าเสียหาย
๒,๐๐๐ บาท นับแต่วันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๘ ถึงวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันฟ้อง จำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นอุทธรณ์
เป็น ๔๙,๒๕๐ บาท
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา ๒๒๔ ในคดีที่ราคาทรัพย์สินหรือจำ นวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์ไม่เกินห้าหมื่นบาท
หรือไม่เกินจำ นวนที่กำ หนดในพระราชกฤษฎีกา
ห้ามมิให้คู่ความอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง เว้นแต่ผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีนั้นในศาลชั้นต้นได้ทำ ความเห็นแย้งไว้หรือได้รับรองว่ามีเหตุอันควรอุทธรณ์ได้
หรือถ้าไม่มีความเห็นแย้งหรือคำ รับรองเช่นว่านี้ต้องได้รับอนุญาตให้อุทธรณ์เป็นหนังสือจากอธิบดีผู้พิพากษาชั้นต้นหรืออธิบดีผู้
พิพากษาภาคผู้มีอำ นาจ
แล้วแต่กรณี
0 Comments
แสดงความคิดเห็น