จำเลยกู้ยืมเงินโจทก์ตามหนังสือสัญญากู้เงินตามกฎหมายใหม่และออกเช็คให้โจทก์ แม้หนังสือสัญญากู้เงินตามกฎหมายใหม่ เขียนว่า เช็คเงินสดเพื่อชำระหนี้เงินกู้ให้ท่านถือไว้เป็นประกันด้วย ก็ตาม แต่หาใช่ต้องถือตามข้อความที่เป็นลายลักษณ์อักษรโดยฝ่ายเดียวไม่ เมื่อจำเลยกู้ยืมเงินโจทก์และออกเช็คให้โจทก์เพื่อชำระหนี้เงินกู้ มิใช่ออกเช็คเพื่อเป็นประกัน และหนี้มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย จำเลยจึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.๒๕๓๔ มาตรา ๔(๑) (๒)

ข้อเท็จจริง
               วันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๖ จำเลยทำสัญญากู้ยืมเงินโจทก์จำนวน ๔๐๐,๐๐๐ บาท และจำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ให้โจทก์ เช็คเงินสด เลขที่ ๐๐๙๔๖๕๔ ลงวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๖ จำนวนเงิน ๔๐๐,๐๐๐ บาท
               วันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๕๖ จำเลยทำสัญญากู้ยืมเงินโจทก์จำนวน ๔๒๗,๖๐๐ บาท และจำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ให้โจทก์ เช็คเงินสด เลขที่ ๐๐๙๔๖๕๕ ลงวันที่  ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๖ จำนวนเงิน ๔๒๗,๖๐๐ บาท
                

พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๕๓๔
               มาตรา ๔ ผู้ใดออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายโดยมีลักษณะหรือมีการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
               (๑) เจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น
               (๒) ในขณะที่ออกเช็คนั้นไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้
               (๓) ให้ใช้เงินมีจำนวนสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ในขณะที่ออกเช็คนั้น
               (๔) ถอนเงินทั้งหมดหรือแต่บางส่วนออกจากบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินตามเช็คจนจำนวนเงินเหลือไม่เพียงพอที่จะใช้เงินตามเช็คนั้นได้
               (๕) ห้ามธนาคารมิให้ใช้เงินตามเช็คนั้นโดยเจตนาทุจริต
               เมื่อได้มีการยื่นเช็คเพื่อให้ใช้เงินโดยชอบด้วยกฎหมาย ถ้าธนาคารปฏิเสธไม่ใช้เงินตามเช็คนั้น ผู้ออกเช็คมีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือทั้งปรับทั้งจำ
               มาตรา ๕ ความผิดตามมาตรา ๔ เป็นความผิดอันยอมความได้