ผู้ร้องยื่นคำร้องแสดงอำนาจพิเศษอ้างว่า ผู้ร้องกับจำเลยได้กรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ อันเป็นประเด็นเดียวกันกับที่จำเลยให้การต่อสู้คดีโจทก์ว่า จำเลยครอบครองที่ดินพิพาทโดยปรปักษ์จนได้กรรมสิทธิ์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๘๒ ขอให้ยกฟ้องโจทก์และฟ้องแย้งขอให้ศาลมีคำสั่งว่าที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยโดยการครอบครองปรปักษ์ ดังนี้ต้องถือว่าจำเลยในฐานะเจ้าของรวมคนหนึ่งได้ใช้สิทธิอันเกิดแต่กรรมสิทธิ์ครอบไปถึงทรัพย์สินทั้งหมดเพื่อต่อสู้บุคคลภายนอก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๕๙
               สัญญาประนีประนอมยอมความที่จำเลยและโจทก์ตกลงกันในประเด็นข้อพิพาทซึ่งศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอม โจทก์และจำเลยมิได้อุทธรณ์ฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๗ วรรคสอง คดีถึงที่สุด ไม่ว่าผู้ร้องจะให้ความยินยอมในการทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันหรือไม่ก็ตาม คำพิพากษาซึ่งถึงที่สุดแล้วย่อมมีผลผูกพันผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๕ วรรคหนึ่ง เพราะจำเลยในฐานะเจ้าของรวมคนหนึ่งได้ใช้สิทธิอันเกิดแต่กรรมสิทธิ์ครอบไปถึงทรัพย์สินทั้งหมดเพื่อต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๕๙ การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอแสดงอำนาจพิเศษโดยอ้างเหตุอย่างเดียวกันอีกว่า ผู้ร้อง เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมกับจำเลยในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์โดยบ่ายเบี่ยงเป็นว่าผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจหรือยินยอมในเรื่องที่โจทก์กับจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันด้วยก็ตาม ก็เป็นการรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่าง เดียวกัน ซึ่งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๘

               ตามฎีกานี้ ผู้ร้องกับจำเลยเป็นสามีภรยากันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันตามกฎหมาย
              
เพิ่มเติม
               การใช้สิทธิเพื่อต่อสู้บุคคลภายนอก หมายถึง เจ้าของรวมแต่ละคนฟ้องเรียกทรัพย์สินอันเป็นของเจ้าของรวมคืน หรือใช้สิทธิต่อสู้เมื่อถูกฟ้องได้โดยไม่ต้องให้เจ้าของรวมทุกคนร่วมกันฟ้องหรือร่วมกันต่อสู้
               ฎีกาที่ ๒๔๔/๒๕๐๘ เจ้าของรวมคนหนึ่งอาจใช้สิทธิครอบไปถึงทรัพย์สินทั้งหมดเพื่อต่อสู้คนภายนอกได้ ฉะนั้นผลแห่งคดีนี้แม้เจ้าของรวมคนเดียวเป็นโจทก์ฟ้อง ก็ย่อมต้องผูกพันถึงเจ้าของรวมคนอื่น ๆ ด้วย เหตุนี้ถ้าเจ้าของรวมคนอื่นมาฟ้องอีกจึงเป็นฟ้องซ้ำ
               ฎีกาที่ ๕๑๓/๒๕๒๓ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๕๙ ให้อำนาจเจ้าของรวมใช้สิทธิต่อสู้บุคคลภายนอกอันหมายถึงฟ้องขับไล่ด้วย หาได้หมายความเพียงยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้เมื่อถูกฟ้องอย่างเดียวไม่
               ฎีกาที่ ๑๐๒๔๐/๒๕๕๖ เจ้าพนักงานบังคับคดีแจ้งวันขายทอดตลาดแก่ทายาทของจำเลย (ซึ่งถึงแก่ความตาย) ไม่ครบคนไม่เข้ากรณีมาตรา ๑๓๕๙ เพราะไม่มีกฎหมายกำหนดว่าหากเจ้าของรวมคนหนึ่งทราบการแจ้งวันนัดแล้วถือว่าเจ้าของรวมคนอื่นทราบด้วย เมื่อแจ้งไม่ครบเท่ากับการดำเนินการขายทอดตลาดไม่ชอบ

หมายเหตุ
               อาจารย์สมชัย ฑีฆาอุตมากร หมายเหตุท้ายฎีกานี้ไว้ว่า คำพิพากษาฎีกานี้เดินตามคำพิพากษาฎีกาที่ ๘๔๔๐/๒๕๕๘ มิได้ถือว่าเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำดังเช่นคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๕๗๐/๒๕๕๑ และ ๒๓๘๘/๒๕๕๑

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
               มาตรา ๑๓๕๙ เจ้าของรวมคนหนึ่ง ๆ อาจใช้สิทธิอันเกิดแต่กรรมสิทธิ์ครอบไปถึงทรัพย์สินทั้งหมด เพื่อต่อสู้บุคคลภายนอก แต่ในการเรียกร้องเอาทรัพย์สินคืนนั้น ท่านว่าต้องอยู่ในบังคับแห่งเงื่อนไขที่ระบุไว้ใน มาตรา ๓๐๒ แห่งประมวลกฎหมายนี้

อ้างอิง
สมจิตร์ ทองศรี. คำอธิบายประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ว่าด้วย ทรัพย์. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา, 2559.