วันที่โจทก์ชำระราคาที่ดินให้จำเลยครบถ้วนถือว่าเป็นวันที่โจทก์อาจบังคับตามสิทธิเรียกร้องตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินซึ่งมีอายุความ
๑๐ ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๙๓/๓๐ จากจำเลยได้ เมื่อนับถึงวันฟ้องล่วงเลยเกิน
๑๐ ปี ถือว่าคดีโจทก์ขาดอายุความฟ้องขอให้บังคับจำเลยปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อจะขายแล้ว
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๙๓/๓๐ แต่หลังจากนั้นจำเลยให้ทนายจำเลยมีหนังสือแจ้งกำหนดวันนัดให้โจทก์ไปจดทะเบียนโอนสิทธิครอบครองที่ดิน
ณ สำนักงานที่ดินจังหวัด ถือได้ว่าจำเลยสละประโยชน์แห่งอายุความนั้นแล้ว
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๙๓/๒๔ จำเลยไม่มีสิทธิยกอายุความขึ้นต่อสู้
เพิ่มเติม
การสละประโยชน์แห่งอายุความ
หมายถึง การที่ลูกหนี้ซึ่งได้สิทธิปฏิเสธที่จะไม่ชำระหนี้มาแล้วจากการที่หนี้ขาดอายุความ
กลับสละประโยชน์หรือสิทธิที่ได้มานี้ หรือ กล่าวอีกนัยหนึ่ง
ลูกหนี้ไม่ประสงค์จะยกเหตุขาดอายุความขึ้นปฏิเสธการชำระหนี้กับเจ้าหนี้นั่นเอง
ลูกหนี้ที่สละประโยชน์แห่งอายุความไปแล้ว
ไม่สามารถอ้างเหตุขาดอายุความมาปฏิเสธ ไม่ชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ได้อีก
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๑๙๓/๒๔ เมื่ออายุความครบกำหนดแล้ว
ลูกหนี้จะสละประโยชน์แห่งอายุความนั้นเสียก็ได้
แต่การสละประโยชน์เช่นว่านี้ไม่มีผลกระทบกระเทือนสิทธิของบุคคลภายนอกหรือผู้ค้ำประกัน
อ้างอิง
กำชัย จงจักรพันธ์. คำอธิบายประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยระยะเวลา.
พิมพ์ครั้งที่ 10. กรุงเทพฯ: โครงการตำราและเอกสารประกอบการสอน
คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2558.
0 Comments
แสดงความคิดเห็น