พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๐๗
มาตรา ๑๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ.๒๕๒๘
กำหนดหลักการไว้ว่า ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
ห้ามไม่ให้บุคคลใดยึดถือครอบครองทำประโยชน์หรืออยู่อาศัย เว้นแต่จะได้รับอนุญาตตามกฎหมายดังนี้
การห้ามมิให้บุคคลใดเข้าไปทำประโยชน์ในป่าสงวนแห่งชาติจึงถือเป็นหลักส่วนการอนุญาตถือเป็นข้อยกเว้น
การพิจารณาจะอนุญาตให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งเข้าไปทำประโยชน์จึงต้องพิจารณาโดยเคร่งครัดตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดไว้เท่านั้น
เมื่อมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวบัญญัติเงื่อนไขไว้ว่า
อธิบดีโดยอนุมัติรัฐมนตรีมีอำนาจอนุญาตให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดเข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติได้จะต้องเข้าเงื่อนไขตามกรณีที่บัญญัติไว้
เช่นนี้ จึงต้องตีความโดยเคร่งครัดว่า บุคคลที่จะเข้าทำประโยชน์หรือยู่อาศัยได้จะต้องเป็นผู้ได้รับอนุญาตโดยอธิบดี
กฎหมายไม่ได้กำหนดให้บุคคลที่ได้รับอนุญาตเข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยตามมาตรา ๑๖
สามารถที่จะโอนสิทธิของตนไปให้แก่บุคคลอื่นได้
ผู้ได้รับหนังสืออนุญาตจึงไม่สามารถโอนสิทธิตามหนังสืออนุญาตหรือนำสิทธิดังกล่าวไปให้บุคคลอื่นเช่าได้
จำเลยที่ ๑
ได้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์โดยเข้าทำสวนปาล์มน้ำมันในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
ถือเป็นสิทธิเฉพาะตัวของจำเลยที่ ๑ เท่านั้น จำเลยที่ ๑
ไม่อาจที่จะอนุญาตโอนสิทธิให้บุคคลอื่นได้ ดังนี้ การที่จำเลยที่ ๑
ทำสัญญาตกลงอนุญาตให้โจทก์มีสิทธิเข้าครอบครองใช้ที่ดินและทำประโยชน์ทำสวนปาล์มน้ำมันจึงเป็นการทำนิติกรรมเปลี่ยนตัวผู้ได้รับอนุญาตหรือโอนสิทธิตามที่จำเลยที่
๑ ได้รับอนุญาตให้แก่บุคคลอื่นสัญญาดังกล่าวจึงเป็นนิติกรรมที่มีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายจึงตกเป็นโมฆะ
ตาม ป.พ.พ.มาตรา ๑๕๐
โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องนำคดีนี้มาฟ้องเพื่อบังคับจำเลยที่ ๑
ให้ปฏิบัติตามสัญญาให้ใช้ที่ดินเพื่อทำประโยชน์
เพิ่มเติม
วัตถุประสงค์ที่ต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย
หมายถึง การทำนิติกรรมที่มีวัตถุประสงค์ที่กฎหมายบัญญัติห้ามไว้โดยชัดเจน
ซึ่งกฎหมายที่บัญญัติห้ามนี้อาจเป็น กฎหมายแพ่ง หรือ กฎหมายอาญา
หรือกฎหมายอื่นใดก็ได้ ที่สำคัญกฎหมายนั้นต้องบัญญัติห้ามไว้โดยชัดเจน
และที่สำคัญคือต้องมีอยู่ขณะทำนิติกรรมนั้น
และเป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยด้วยเสมอ
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๑๕๐ การใดมีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายเป็นการพ้นวิสัยหรือเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
การนั้นเป็นโมฆะ
อ้างอิง
ศนันท์กรณ์
โสตถิพันธุ์. คำอธิบายนิติกรรม-สัญญา. พิมพ์ครั้งที่ 22. กรงเทพฯ: สำนักพิมพ์วิญญูชน, 2561.
0 Comments
แสดงความคิดเห็น