คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๓๔๖/๒๕๖๑
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า คำเบิกความของจำเลยในการพิจารณาคดีต่อศาลเป็นเท็จแต่ไม่เป็นข้อสำคัญในคดี จำเลยไม่มีความผิดฐานเบิกความเท็จ หากโจทก์ไม่เห็นพ้องด้วยโจทก์ต้องใช้สิทธิอุทธรณ์ การที่โจทก์ไม่ใช้สิทธิอุทธรณ์แต่แก้อุทธรณ์ว่าเป็นคำเบิกความเท็จ และเป็นข้อสำคัญในคดี ซึ่งหากศาลอุทธรณ์ภาค ๔ เห็นว่าเป็นคำเบิกความเท็จและเป็นข้อสำคัญในคดีแล้วต้องลงโทษจำเลยในความผิดฐานเบิกความเท็จแล้ว กรณีย่อมเป็นการขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค ๔ เปลี่ยนแปลงผลของคำพิพากษาศาลชั้นต้น ซึ่งโจทก์ต้องกระทำโดยยื่นเป็นคำฟ้องอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้น มิใช่ขอมาในคำแก้อุทธรณ์ ทั้งการที่จำเลยอุทธรณ์ว่า คำเบิกความของจำเลยไม่เป็นคำเบิกความเท็จและเป็นข้อสำคัญในคดี หากศาลอุทธรณ์ภาค ๔ เห็นว่าเป็นคำเบิกความเท็จและเป็นข้อสำคัญในคดีศาลอุทธรณ์ภาค ๔ ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้เพราะโจทก์ไม่ได้อุทธรณ์ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๒ วรรคหนึ่ง ปะกอบมาตรา ๒๑๕ เช่นนี้ การที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๔ วินิจฉัยว่า จำเลยขาดเจตนาในการเบิกความเท็จและพยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมามีความสงสัยตามสมควร ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้แก่จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๗ วรรคสอง คดีรับฟังได้ว่า คำเบิกความของจำเลยในส่วนนี้ไม่เป็นความเท็จจึงเป็นการวินิจฉัยที่ไม่ชอบและไม่ก่อสิทธิให้แก่โจทก์ที่จะฎีกา
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า คำเบิกความของจำเลยในการพิจารณาคดีต่อศาลเป็นเท็จแต่ไม่เป็นข้อสำคัญในคดี จำเลยไม่มีความผิดฐานเบิกความเท็จ หากโจทก์ไม่เห็นพ้องด้วยโจทก์ต้องใช้สิทธิอุทธรณ์ การที่โจทก์ไม่ใช้สิทธิอุทธรณ์แต่แก้อุทธรณ์ว่าเป็นคำเบิกความเท็จ และเป็นข้อสำคัญในคดี ซึ่งหากศาลอุทธรณ์ภาค ๔ เห็นว่าเป็นคำเบิกความเท็จและเป็นข้อสำคัญในคดีแล้วต้องลงโทษจำเลยในความผิดฐานเบิกความเท็จแล้ว กรณีย่อมเป็นการขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค ๔ เปลี่ยนแปลงผลของคำพิพากษาศาลชั้นต้น ซึ่งโจทก์ต้องกระทำโดยยื่นเป็นคำฟ้องอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้น มิใช่ขอมาในคำแก้อุทธรณ์ ทั้งการที่จำเลยอุทธรณ์ว่า คำเบิกความของจำเลยไม่เป็นคำเบิกความเท็จและเป็นข้อสำคัญในคดี หากศาลอุทธรณ์ภาค ๔ เห็นว่าเป็นคำเบิกความเท็จและเป็นข้อสำคัญในคดีศาลอุทธรณ์ภาค ๔ ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้เพราะโจทก์ไม่ได้อุทธรณ์ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๒ วรรคหนึ่ง ปะกอบมาตรา ๒๑๕ เช่นนี้ การที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๔ วินิจฉัยว่า จำเลยขาดเจตนาในการเบิกความเท็จและพยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมามีความสงสัยตามสมควร ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้แก่จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๗ วรรคสอง คดีรับฟังได้ว่า คำเบิกความของจำเลยในส่วนนี้ไม่เป็นความเท็จจึงเป็นการวินิจฉัยที่ไม่ชอบและไม่ก่อสิทธิให้แก่โจทก์ที่จะฎีกา
ความผิดฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๑๗๗ ข้อความเท็จที่ได้เบิกความต่อศาลในการพิจารณาคดีจะต้องเป็นข้อสำคัญในคดี
ซึ่งหมายถึง ต้องเป็นข้อสำคัญในคดีอย่างแท้จริงถึงขนาดมีผลทำให้แพ้ชนะคดีกันได้โดยอาศัยคำเบิกความอันเป็นเท็จ
ศาลชั้นต้นเพียงแต่นำคำเบิกความของจำเลยมารับฟังประกอบข้อวินิจฉัยที่ว่าโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานมานำสืบกับคำเบิกความตอบคำถามค้านทนายจำเลยของโจทก์เท่านั้นแล้ววินิจฉัยถึงพฤติการณ์ต่าง
ๆ มาเป็นข้อวินิจฉัยให้มีผลเป็นการแพ้ชนะกัน ข้อความที่จำเลยเบิกความจึงไม่ใช่ข้อสำคัญในคดี
จำเลยไม่มีความผิดฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๑๗๗
ตามฎีกานี้
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า เป็นคำเบิกความเท็จ แต่ไม่ปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้หยิบยกเอาคำเบิกความเท็จของจำเลยมาวินิจฉัย
แต่คงหยิบเฉพาะคำเบิกความของ พ. มาวินิจฉัยพร้อมพยานหลักฐานอื่น
คำเบิกความเท็จของจำเลยในการพิจารณาคดีต่อศาลในคดีดังกล่าว
จึงไม่เป็นข้อสำคัญในคดี จึงไม่เป็นความผิด และในคดีแพ่งดังกล่าว
คำเบิกความของจำเลยนั้น ศาลชั้นต้นไม่ได้นำมากล่าวเป็นข้อวินิจฉัยให้มีผลเป็นการแพ้ชนะกัน
ข้อความที่จำเลยเบิกความดังกล่าวจึงไม่ใช่ข้อสำคัญในคดี
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๑๗๗
ผู้ใดเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล ถ้าความเท็จนั้นเป็นข้อ สำคัญในคดี
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าความผิดดังกล่าวในวรรคแรก
ได้กระทำในการพิจารณาคดีอาญา
ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี
และปรับไม่เกินหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา ๑๙๒ วรรคหนึ่ง ห้ามมิให้พิพากษา
หรือสั่ง เกินคำขอ หรือที่มิได้กล่าวในฟ้อง
มาตรา ๑๙๓ คดีอุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งศาลชั้นต้นในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายให้อุทธรณ์ไป
ยังศาลอุทธรณ์ เว้นแต่จะถูกห้ามอุทธรณ์โดยประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่น
อุทธรณ์ทุกฉบับต้องระบุข้อเท็จจริงโดยย่อหรือข้อกฎหมายที่ยกขึ้นอ้างอิงเป็นลำดับ
มาตรา ๒๐๐ ให้ศาลส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งแก้ภายในกำหนดสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับสำเนาอุทธรณ์
0 Comments
แสดงความคิดเห็น