โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้ต้องเสียหายชอบที่จะเรียกให้จำเลยผู้รับประกันภัยจัดการซ่อมรถหรือชำระค่าซ่อมรถให้ในกรณีที่โจทก์จัดหาผู้ซ่อมเอง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๘๘๗ เมื่อจำเลยไม่ชำระค่าซ่อมรถให้แก่โจทก์เป็นเหตุให้ผู้ซ่อมใช้สิทธิยึดหน่วงรถของโจทก์ไว้ ย่อมทำให้โจทก์ต้องขาดประโยชน์จากการใช้รถ โจทก์จึงมีสิทธิเรียกให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนจากการขาดประโยชน์ที่ไม่ได้ใช้รถในระหว่างซ่อมและรถถูกยึดหน่วงได้

                    ตามฎีกานี้ โจทก์นำรถขุด(รถแบ็กโฮ)ไปซ่อมที่ บริษัท ค. เสียค่าซ่อม ๙๑,๐๑๕ บาท โจทก์เรียกร้องให้จำเลยชำระค่าซ่อม แต่จำเลยเพิกเฉย บริษัท ค. จึงยึดหน่วงไม่ยินยอมให้โจทก์นำรถขุดออกจากอู่ซ่อมรถ โจทก์จึงไม่สามารถนำรถออกไปใช้งานตามที่มีผู้ว่าจ้างได้ ทำให้ขาดประโยชน์จากการใช้รถ เป็นเวลา ๕๘ วัน เสียค่าเช่าวันละ ๑๒,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงิน ๖๙๖,๐๐๐ บาท ต่อมาจำเลยยินยอมชำระค่าซ่อมรถจำนวน ๙๑,๐๑๕ บาท แต่ไม่ยอมใช้ค่าขาดประโยชน์ตามที่โจทก์เรียกร้อง มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า โจทก์มีสิทธิเรียกค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถหรือไม่ โดยศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นควรกำหนดค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถให้แก่โจทก์ ๑๐๐,๐๐๐ บาท

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
                    มาตรา ๘๘๗ อันว่าประกันภัยค้ำจุนนั้น คือสัญญาประกันภัยซึ่งผู้รับประกันภัยตกลงว่า จะใช้ค่าสินไหมทดแทนในนามของผู้เอาประกันภัย เพื่อความวินาศภัยอันเกิดขึ้นแก่บุคคลอีกคน หนึ่งและซึ่งผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบ
               บุคคลผู้ต้องเสียหายชอบที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนตามที่ตนควรจะได้นั้นจากผู้รับประกันโดยตรง แต่ค่าสินไหมทดแทนเช่นว่านี้หาอาจจะคิดเกินไปกว่าจำนวนอันผู้รับประกันภัยจะพึ่งต้องใช้ตามสัญญานั้นได้ไม่ ในคดีระหว่างบุคคลผู้ต้องเสียหายกับผู้รับประกันภัยนั้น ท่านให้ผู้ต้องเสียหายเรียกตัวผู้เอาประกันภัยเข้ามาในคดีด้วย
               อนึ่ง ผู้รับประกันภัยนั้นแม้จะได้ส่งค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัยแล้ว ก็ยังหา หลุดพ้นจากความรับผิดต่อบุคคลผู้ต้องเสียหายนั้นไม่ เว้นแต่ตนจะพิสูจน์ได้ว่าสินไหมทดแทน นั้นผู้เอาประกันภัยได้ใช้ให้แก่ผู้ต้องเสียหายแล้ว