พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่ง ชาติ พ.ศ.๒๕๓๕ มาตรา ๙๗ บัญญัติว่า ผู้ใดกระทำหรือละเว้นการกระทำด้วยประการใด โดยมิชอบด้วยกฎหมายอันเป็นการทำลายหรือทำให้สูญหายหรือเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งเป็นของรัฐหรือเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายให้แก่รัฐตามมูลค่าทั้งหมดของทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกทำลาย สูญหาย หรือเสียหายไปนั้น เป็นการบัญญัติกฎหมายเพื่อใช้สำหรับผู้กระทำหรือละเว้นการกระทำด้วยประการใดโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติของรัฐหรือสาธารณสมบัติของแผ่นดิน อันมีลักษณะเป็นการกระทำละเมิดต่อรัฐ ซึ่งคำนึงถึงความเสียหายที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติทั้งทางตรง และทางอ้อม การกำหนดค่าเสียหายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมจึงไม่อาจนำหลักเกณฑ์การกำหนดค่าสินไหมทดแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๓๘ ซึ่งเป็นการกำหนดค่าเสียหายแก่บุคคลในทางแพ่งมาใช้บังคับได้

               ตามฎีกานี้ คดีมีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า การกำหนดค่าเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติซึ่งเป็นของรัฐตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๓๕ มาตรา ๙๗ จะนำหลักเกณฑ์การกำหนดค่าเสียหายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๓๘ มาใช้บังคับได้หรือไม่
              
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
               มาตรา ๔๓๘ ค่าสินไหมทดแทนจะพึงใช้โดยสถานใดเพียงใดนั้น ให้ศาลวินิจฉัยตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด
               อนึ่ง ค่าสินไหมทดแทนนั้นได้แก่การคืนทรัพย์สินอันผู้เสียหาย ต้องเสียไปเพราะละเมิด หรือ ใช้ราคาทรัพย์สินนั้น รวมทั้งค่าเสียหายอันจะพึ่งบังคับให้ใช้เพื่อความเสียหายอย่างใด ๆ อันได้ก่อขึ้นนั้นด้วย

เพิ่มเติม
               มาตรา ๔๓๘ นี้ เป็นหลักทั่วไปในการกำหนดค่าสินไหมทดแทน แต่อย่างไรก็ตามในกรณีที่มีกฎหมายบัญญัติวิธีการกำหนดค่าสินไหมทดแทนไว้โดยเฉพาะ คือกรณีตามมาตรา ๔๓๙ ถึง ๔๔๗ หรือกฎหมายพิเศษอื่น ก็เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดนั้น เช่น พ.ร.บ.รับขนของทางทะเล พ.ศ.๒๕๓๔ มาตรา ๓๙ ประกอบมาตรา ๕๘ และ ๖๐ (ฎีกาที่ ๑๖๓๙/๒๕๔๙)

อ้างอิง
เพ็ง เพ็งนิติ. คำอธิบายประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ว่าด้วยละเมิด พระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยงข้อง. พิมพ์ครั้งที่ 10 –  ฉบับปรับปรุงใหม่. กรุงเทพฯ: สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา, 2560.