แม้โจทก์และ ม. พากันไปทำคำขอเอาประกันภัยโดยระบุให้ ม. เป็นผู้ขอเอาประกันภัยและให้โจทก์เป็นผู้รับประโยชน์ แต่ลายพิมพ์นิ้วมือในช่องลงลายมือชื่อของผู้ขอเอาประกันภัยมิใช่ลายพิมพ์นิ้วมือของ ม. และโจทก์เป็นผู้ชำระเบี้ยประกันภัยแก่จำเลย โดยมิใช่เป็นการ สำรองจ่ายแทน ม. ไปก่อน ถือว่าโจทก์ตกลงเป็นผู้ส่งเบี้ยประกันภัยแก่จำเลย และเป็นผู้จัดการให้ ม. ทำสัญญาประกันภัย ถือว่าโจทก์เป็นผู้เอาประกันภัย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๘๖๒ ส่วน ม. มิใช่ผู้เอาประกันภัยแต่เป็นเพียงผู้ที่ถูกโจทก์เอาประกันภัยเท่านั้น
               โจทก์อยู่กินฉันสามีภริยากับ ม. ทั้งที่โจทก์อยู่กินเป็นสามี ภริยากับ ส. ภริยาตามกฎหมายของโจทก์ และการทำสัญญาประกันภัย ม. ที่โจทก์เป็นผู้เอาประกันภัยนั้นก็เพียงเพื่อหวังผลประโยชน์จากการทำสัญญาประกันภัย ถือว่าโจทก์มิได้มีส่วนได้เสียในเหตุที่ประกันภัย สัญญาประกันภัยไม่ผูกพันคู่สัญญา ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๘๖๓ โจทก์ไม่อาจเข้าถือเอาประโยชน์ตามสัญญาประกันภัย และไม่มีอำนาจฟ้องให้จำเลยรับผิด
               ปัญหาว่า โจทก์มีส่วนได้เสียในเหตุที่ประกันภัยหรือไม่ เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแต่ต้น ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้

               ตามฎีกานี้ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ไม่ได้นำสืบพยานหลักฐานว่าได้อยู่กินฉันสามีภริยากับ ม. โดยชัดเจนในลักษณะใด

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
               มาตรา ๘๖๒ ตามข้อความในลักษณะนี้
               คำว่าผู้รับประกันภัยท่านหมายความว่า คู่สัญญาฝ่ายซึ่งตกลงจะใช้ค่าสินไหมทดแทน หรือใช้เงินจำนวนหนึ่งให้
               คำว่าผู้เอาประกันภัยท่านหมายความว่า คู่สัญญาฝ่ายซึ่งตกลงจะส่งเบี้ยประกันภัย
               คำว่าผู้รับประโยชน์ท่านหมายความว่า บุคคลผู้จะพึงได้รับค่าสินไหมทดแทนหรือรับจำนวนเงินใช้ให้
               อนึ่ง ผู้เอาประกันภัยและผู้รับประโยชน์นั้น จะเป็นบุคคลคนหนึ่งคนเดียวกันก็ได้
               มาตรา ๘๖๓ อันสัญญาประกันภัยนั้น ถ้าผู้เอาประกันภัยมิได้มีส่วนได้เสียในเหตุที่ประกันภัยไว้นั้นไซร้ ท่านว่าย่อมไม่ผูกพันคู่สัญญาแต่อย่างหนึ่งอย่างใด
               มาตรา ๘๘๙ ในสัญญาประกันชีวิตนั้น การใช้จำนวนเงินย่อมอาศัยความทรงชีพหรือมรณะของบุคคลคนหนึ่ง