คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๔๙๒๘/๒๕๖๑
การที่ศาลจะมีคำสั่งให้นับโทษจำคุกของจำเลยในคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกในคดีก่อนนั้นเป็นดุลพินิจของศาลที่จะกำหนดได้ตาม ป.อ. มาตรา ๒๒ ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่กำหนดหลักเกณฑ์ในการบังคับโทษจำคุก ให้เริ่มนับแต่วันมีคำพิพากษา เว้นแต่คำพิพากษานั้นจะกล่าวไว้เป็นอย่างอื่น อันเป็นข้อยกเว้นไม่ให้เริ่มนับแต่วันมีคำพิพากษา โจทก์บรรยายฟ้องขอให้นับโทษจำคุกของจำเลยต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาของศาลชั้นต้น และก่อนที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาไม่ปรากฏต่อศาลชั้นต้นว่า คดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อดังกล่าว มีคำพิพากษาแล้วหรือไม่ และผลคดีเป็นอย่างไร เพื่อที่ศาลชั้นต้นจะได้ใช้ดุลพินิจในการนับโทษต่อให้ทั้งในอุทธรณ์และฎีกา ของโจทก์ก็คงกล่าวอ้างแต่เพียงหมายเลขคดีดำของคดีที่ขอให้นับโทษต่อเท่านั้น มิได้ระบุว่าคดีดังกล่าวศาลพิพากษาลงโทษจำคุกหรือไม่เพียงใด ซึ่งหากพิพากษายกฟ้องแล้วก็ไม่อาจจะนับโทษในคดีนี้ต่อจากคดีดังกล่าวได้ ทำให้ศาลไม่อาจใช้ดุลพินิจให้นับโทษต่อหรือไม่ อย่างถูกต้อง ข้อเท็จจริงดังกล่าวมิใช่ข้อเท็จจริงที่กฎหมายกำหนดให้ศาลต้องรู้เอง ทั้งมิใช่หน้าที่ของศาลที่จะต้องตรวจสอบ เมื่อโจทก์มิได้แถลงถึงผลคดีที่ขอให้นับโทษต่อแล้ว ที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจไม่นับโทษของจำเลยในคดีนี้ ต่อจากโทษในคดีดังกล่าวจึงชอบแล้ว
การที่ศาลจะมีคำสั่งให้นับโทษจำคุกของจำเลยในคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกในคดีก่อนนั้นเป็นดุลพินิจของศาลที่จะกำหนดได้ตาม ป.อ. มาตรา ๒๒ ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่กำหนดหลักเกณฑ์ในการบังคับโทษจำคุก ให้เริ่มนับแต่วันมีคำพิพากษา เว้นแต่คำพิพากษานั้นจะกล่าวไว้เป็นอย่างอื่น อันเป็นข้อยกเว้นไม่ให้เริ่มนับแต่วันมีคำพิพากษา โจทก์บรรยายฟ้องขอให้นับโทษจำคุกของจำเลยต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาของศาลชั้นต้น และก่อนที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาไม่ปรากฏต่อศาลชั้นต้นว่า คดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อดังกล่าว มีคำพิพากษาแล้วหรือไม่ และผลคดีเป็นอย่างไร เพื่อที่ศาลชั้นต้นจะได้ใช้ดุลพินิจในการนับโทษต่อให้ทั้งในอุทธรณ์และฎีกา ของโจทก์ก็คงกล่าวอ้างแต่เพียงหมายเลขคดีดำของคดีที่ขอให้นับโทษต่อเท่านั้น มิได้ระบุว่าคดีดังกล่าวศาลพิพากษาลงโทษจำคุกหรือไม่เพียงใด ซึ่งหากพิพากษายกฟ้องแล้วก็ไม่อาจจะนับโทษในคดีนี้ต่อจากคดีดังกล่าวได้ ทำให้ศาลไม่อาจใช้ดุลพินิจให้นับโทษต่อหรือไม่ อย่างถูกต้อง ข้อเท็จจริงดังกล่าวมิใช่ข้อเท็จจริงที่กฎหมายกำหนดให้ศาลต้องรู้เอง ทั้งมิใช่หน้าที่ของศาลที่จะต้องตรวจสอบ เมื่อโจทก์มิได้แถลงถึงผลคดีที่ขอให้นับโทษต่อแล้ว ที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจไม่นับโทษของจำเลยในคดีนี้ ต่อจากโทษในคดีดังกล่าวจึงชอบแล้ว
เพิ่มเติม
ฎีกาที่ ๔๓๓๓/๒๕๖๐ โจทก์ได้บรรยายฟ้องไว้แล้วว่า
จำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๑๓๔๑/๒๕๕๖ ของศาลชั้นต้น กับขอให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาดังกล่าว
ถือว่าฟ้องของโจทก์ได้บรรยายข้อเท็จจริงว่า จำเลยถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่
๑๓๔๑/๒๕๕๖ ของศาลชั้นต้นแล้ว โดยไม่จำต้องระบุรายละเอียดว่าคดีดังกล่าวศาลพิพากษาลงโทษจำเลยหรือไม่ อย่างไร
เพราะการขอให้นับโทษต่อหาได้มีกฎหมายบัญญัติว่าต้องกล่าวรายละเอียดดังกล่าวมาในคำฟ้อง เมื่อจำเลยยอมรับข้อเท็จจริงในข้อที่ว่า
จำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้น
โดยไม่ได้คัดค้านว่าไม่อาจนับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาดังกล่าวได้
จึงนับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่
๑๓๔๑/๒๕๕๖ ของศาลชั้นต้นได้
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๒๒ โทษจำคุก ให้เริ่มแต่วันมีคำพิพากษา
แต่ถ้าผู้ต้องคำพิพากษาถูกคุมขังก่อนศาลพิพากษา
ให้หักจำนวนวันที่ถูกคุมขังออกจากระยะเวลาจำคุกตามคำพิพากษา
เว้นแต่คำพิพากษานั้นจะ กล่าวไว้เป็นอย่างอื่น
ในกรณีที่คำพิพากษากล่าวไว้เป็นอย่างอื่น โทษจำคุกตามคำพิพากษาเมื่อรวมจำนวนวันที่ถูกคุมขังก่อนศาลพิพากษาในคดีเรื่องนั้นเข้าด้วยแล้ว
ต้องไม่เกินอัตราโทษขั้นสูงของกฎหมายที่กำหนดไว้สำหรับความผิดที่ได้กระทำลงนั้น ทั้งนี้
ไม่เป็นการกระทบกระเทือนบทบัญญัติในมาตรา ๙๑
0 Comments
แสดงความคิดเห็น