โจทก์อุทธรณ์ขอให้จำเลยที่
๑ ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น เป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้
ต้องเสียค่าขึ้นศาล ๒๐๐ บาท
ฎีกาของจำเลยที่
๑ แม้มีคำขอให้กลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๑ ในส่วนที่ให้จำเลยที่ ๑ ชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ
๗.๕ ต่อปี แก่โจทก์นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปด้วย แต่มิใช่เป็นคำขอให้ชำระค่าเสียหายหรือเงินอื่น
ๆ บรรดาที่ให้จ่ายมีกำหนดเป็นระยะเวลาในอนาคตตามตาราง ๑ (๔)
ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ แพ่ง เพราะเป็นคำขอที่มีผลต่อเนื่องจากคำขอให้ศาลฎีกาพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค
๑ ที่ให้จำเลยที่ ๑ ชำระค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์อันเป็นคำขอประธาน จำเลยที่ ๑
ไม่ต้องเสียค่าขึ้นศาลในอนาคตในชั้นฎีกาอีกส่วนหนึ่ง
จำเลยที่ ๑ และจำเลยที่
๒ กับที่ ๓ ต่างยื่นฎีกาแยกกัน โดยเสียค่าขึ้นศาลมาแต่ละฎีกา เนื่องจากจำเลยทั้งสามเป็นจำเลยร่วมในคดีที่มูลความแห่งคดีเป็นการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้
เมื่อรวมกันแล้วมีจำนวนสูงกว่าที่จำเลยทั้งสามต้องชำระในกรณียื่นฎีการ่วมกัน
กรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๕๐ วรรคห้า
ที่ศาลฎีกาจะต้องมีคำสั่งคืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เกินแก่ จำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๒
กับที่ ๓ ตามส่วนของค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาที่จำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๒ กับที่ ๓ ได้ชำระเกินไป
ตามฎีกานี้ ประเด็นที่ ๑ โจทก์เสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์มาตามจำนวนทุนทรัพย์
๑,๕๒๐,๐๐๐ บาท
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา ๑๕๐
ในคดีที่คำ ขอให้ปลดเปลื้องทุกข์นั้นอาจคำ นวณเป็นราคาเงินได้ให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลในศาลชั้นต้นตามจำ นวนทุนทรัพย์ที่เรียกร้องหรือราคาทรัพย์สินที่พิพาท
ค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์หรือฎีกานั้น
ถ้าจำ นวนทุนทรัพย์ที่เรียกร้องหรือราคาทรัพย์สินที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์หรือฎีกาเป็นอย่างเดียวกับในศาลชั้นต้น
ให้ผู้อุทธรณ์หรือผู้ฎีกาเสียตามจำ นวนทุนทรัพย์
หรือราคาเช่นเดียวกับในศาลชั้นต้น
แต่ถ้าผู้อุทธรณ์หรือผู้ฎีกาได้รับความพอใจแต่บางส่วนตามคำ พิพากษาหรือคำ สั่งของศาลล่างแล้ว และจำ นวนทุนทรัพย์หรือราคาทรัพย์ที่พิพาทในชั้นอุทธรณ์หรือฎีกาต่ำกว่าในศาลชั้นต้น
ให้ผู้อุทธรณ์หรือผู้ฎีกาเสียค่าขึ้นศาลตามจำ นวนทุนทรัพย์หรือราคาต่ำนั้น
เมื่อได้ชำ ระค่าขึ้นศาลแล้ว ถ้าทุนทรัพย์แห่งคำ ฟ้องหรือคำ ฟ้องอุทธรณ์หรือคำ ฟ้องฎีกาทวีขึ้นโดยการยื่นคำ ฟ้องเพิ่มเติมหรือโดยประการอื่น
ให้เรียกค่าขึ้นศาลเพิ่มขึ้นตามที่บัญญัติไว้ในตารางท้ายประมวลกฎหมายนี้เมื่อยื่นคำ ฟ้องเพิ่มเติมหรือภายในระยะเวลาที่ศาลเห็นสมควร
แล้วแต่กรณี
ถ้าเนื่องจากศาลได้มีคำ สั่งให้พิจารณาคดีรวมกันหรือให้แยกคดีกัน
คำ ฟ้องใดหรือข้อหาอันมีอยู่ในคำ ฟ้องใดจะต้องโอนไปยังศาลอื่น
หรือจะต้องกลับยื่นต่อศาลนั้นใหม่ หรือต่อศาลอื่นเป็นคดีเรื่องหนึ่งต่างหาก ให้โจทก็ได้รับผ่อนผันไม่ต้องเสียค่าขึ้นศาลในการยื่น
หรือกลับยื่นคำ ฟ้องหรือข้อหาเช่นว่านั้น
เว้นแต่จำ นวนทุนทรัพย์หรือราคาทรัพย์แห่งคำ ฟ้อง หรือข้อหานั้นจะได้ทวีขึ้น
ในกรณีเช่นนี้ ค่าขึ้นศาลเฉพาะที่ทวีขึ้นให้คำ นวณและชำ ระตามที่บัญญัติไว้ในวรรคก่อน
ในกรณีที่บุคคลซึ่งเป็นคู่ความร่วมในคดีที่มูลความแห่งคดีเป็นการชำ ระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ต่างยื่นอุทธรณ์หรือฎีกาแยกกัน
โดยต่างได้เสียค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์หรือฎีกาตามความในวรรคสอง หากค่าขึ้นศาลดังกล่าวเมื่อรวมกันแล้วมีจำ นวนสูงกว่าค่าขึ้นศาลที่คู่ความเหล่านั้นต้องชำ ระในกรณีที่ยื่นอุทธรณ์หรือฎีการ่วมกัน
ให้ศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกา แล้วแต่กรณี มีคำ สั่งคืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เกินแก่คู่ความเหล่านั้นตาม
ส่วนของค่าขึ้นศาลที่คู่ความแต่ละคนได้ชำ ระไปในเวลาที่ศาลนั้นมีคำ พิพากษาหรือคำ สั่ง
0 Comments
แสดงความคิดเห็น