คดีนี้มีประเด็นข้อพิพาทหลักเช่นเดียวกันกับคดีก่อน
และมีคู่ความรายเดียวกัน แม้ขณะที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ศาลชั้นต้นในคดีก่อนยังไม่มีคำพิพากษาจึงไม่ทำให้การฟ้องคดีของโจทก์เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา ๑๔๔ ก็ตาม แต่ต่อมาศาลชั้นต้นในคดีก่อนมีคำพิพากษาวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นแห่งคดีแล้ว
ศาลชั้นต้นในคดีนี้ย่อมไม่อาจดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปได้เพราะจะเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา ๑๔๔ และต้องมีคำสั่งให้เลื่อนการนั่งพิจารณาคดีนี้ต่อไปจนกว่าคำพิพากษาคดีก่อนจะถึงที่สุด
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความแพ่ง มาตรา ๓๙ วรรคหนึ่ง มิใช่พิพากษายกฟ้อง
เพราะการฟ้องคดีของโจทก์มิใช่กระบวนพิจารณาที่ต้องห้ามตามกฎหมาย
เมื่อต่อมาคดีก่อนศาลฎีกามีคำพิพากษาว่า จำเลยทำสัญญาขายที่ดิน
และบ้านพิพาทให้แก่โจทก์และโจทก์ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินและบ้านพิพาทคืนให้แก่จำเลยมิใช่เป็นการแสดงเจตนาลวง
คำพิพากษาอันถึงที่สุดในคดีก่อนมีผลผูกพันโจทก์และจำเลยซึ่งเป็นคู่ความในคดีนี้ด้วย
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๕ วรรค หนึ่ง เท่ากับว่าสัญญาขายที่ดินและบ้านพิพาทและสัญญาจะซื้อขายที่ดินและบ้านพิพาทคืนระหว่างโจทก์จำเลยมีผลสมบูรณ์
มิใช่นิติกรรมอำพราง โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
ตามฎีกานี้
ศาลชั้นต้นต้องมีคำสั่งให้เลื่อนการนั่งพิจารณาคดีนี้ต่อไปจนกว่าคำพิพากษาคดีก่อนจะถึงที่สุด
เพิ่มเติม
ฎีกาที่
๔๙๕/๒๕๔๕ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาเช่า เนื่องจากที่ดินที่เช่าถูกบุคคลภายนอกฟ้องร้องว่าตกอยู่ในภารจำยอม
เป็นเหตุให้โจทก์ไม่สามารถใช้ประโยชน์ในที่ดินได้เต็มที่ ขอให้บังคับจำเลยชำระค่าปรับและค่าเสียหายแก่โจทก์
ปัญหาว่าที่ดินที่เช่าตกอยู่ในภารจำยอม จึงเป็นประเด็นโดยตรงซึ่งจะนำไปสู่การวินิจฉัยปัญหาว่าจำเลยผิดสัญญาเช่าหรือไม่
และศาลชั้นต้นในคดีซึ่งบุคคลภายนอกฟ้องโจทก์และจำเลยได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้รื้อรั้วคอนกรีตกั้นทางเดินที่อ้างว่าเป็นภารจำยอมออก
แต่คดีดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณายังไม่ถึงที่สุดว่าที่ดินที่เช่ามีภาระผูกพันจริง
กรณียังถือไม่ได้ว่าจำเลยผิดสัญญาเช่ามีความหมายอยู่ในตัวว่า หากคดีดังกล่าวถึงที่สุดว่าที่ดินที่เช่ามีภาระผูกพันก็ถือได้ว่าจำเลยผิดสัญญาเช่า
จึงเป็นกรณีที่ต้องอาศัยทั้งหมดหรือแต่บางส่วนซึ่งคำชี้ขาดตัดสินบางข้อที่ศาลนั้นเอง
จึงมีเหตุสมควรที่ต้องเลื่อนการพิจารณาต่อไปจนกว่าจะได้มีการพิพากษาหรือชี้ขาดในข้อนั้น
ๆ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๓๙ วรรคหนึ่ง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา ๓๙ ถ้าการที่จะชี้ขาดตัดสินคดีเรื่องใดที่ค้างพิจารณาอยู่ในศาลใดจำต้องอาศัย
ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนซึ่งคำชี้ขาดตัดสินบางข้อที่ศาลนั้นเองหรือศาลอื่นจะต้องกระทำเสียก่อน
หรือจำต้องรอให้เจ้าพนักงานฝ่ายธุรการวินิจฉัยชี้ขาดในข้อเช่นนั้นเสียก่อน
หรือถ้าปรากฏว่าได้มีการกระทำผิดอาญาเกิดขึ้นซึ่งอาจมีการฟ้องร้องอันอาจกระทำให้การชี้ขาดตัดสินคดีที่พิจารณาอยู่นั้นเปลี่ยนแปลงไป
หรือในกรณีอื่นใดซึ่งศาลเห็นว่าถ้าได้เลื่อนการพิจารณาไปจักทำให้ความยุติธรรมดำเนินไปด้วยดี
เมื่อศาลเห็นสมควรหรือ เมื่อคู่ความที่เกี่ยวข้องร้องขอ ศาลจะมีคำสั่งเลื่อนการนั่งพิจารณาต่อไปจนกว่าจะได้มีการพิพากษาหรือชี้ขาดในข้อนั้น
ๆ แล้วหรือภายในระยะเวลาใด ๆ ตามที่ศาลเห็นสมควรก็ได้
ถ้าศาลมีคำสั่งให้เลื่อนการนั่งพิจารณาดังกล่าวแล้วโดยไม่มีกำหนด
เมื่อศาลเห็นสมควร หรือคู่ความที่เกี่ยวข้องร้องขอ ศาลจะมีคำสั่งให้เริ่มการนั่งพิจารณาต่อไปในวันใด
ๆ ตามที่เห็นสมควรก็ได้
0 Comments
แสดงความคิดเห็น