คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๘๑๕/๒๕๖๑
จำเลยที่ ๓ ที่ ๗ และที่ ๘ ต่างยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้น อุทธรณ์แต่ละฉบับเป็นคำฟ้องตามมาตรา ๑ (๓) แห่ง ป.วิ.พ. และเป็นคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ของแต่ละคน จึงต้องเสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นอุทธรณ์ของจำเลยแต่ละคน โดยเป็นไปตามบทบัญญัติมาตรา ๑๕๐ วรรคสอง แห่ง ป.วิ.พ. และในกรณีที่มีการยื่นอุทธรณ์แยกกัน โดยคู่ความต่างเสียค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์ ตามจำนวนทุนทรัพย์ ซึ่งเมื่อรวมกันแล้ว ค่าขึ้นศาลมีจำนวนสูงกว่าที่จะต้องชำระในกรณีที่มีการยื่นอุทธรณ์ร่วมกัน ศาลอุทธรณ์ภาค ๔ ย่อมสั่งคืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เกินได้ ตามบทบัญญัติมาตรา ๑๕๐ วรรคท้าย และศาลอุทธรณ์ภาค ๔ ก็ได้สั่งคืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เสียเกินให้จำเลยแต่ละคนแล้ว ที่จำเลยที่ ๓ ที่ ๗ และที่ ๘ จะถือเอาค่าขึ้นศาลที่จำเลยที่ ๑ เสียไว้เต็มจำนวนแล้วเป็นการชำระค่าขึ้นศาลสำหรับอุทธรณ์ที่จำเลยที่ ๓ ที่ ๗ และที่ ๘ ยื่นแยกกันเป็นคนละฉบับนั้น เป็นการไม่ชำระค่าขึ้นศาลให้ถูกต้องครบถ้วน คำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค ๔ ที่ให้จำเลยที่ ๓ ที่ ๗ และที่ ๘ ชำระค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์ในฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยแต่ละคนจึงชอบด้วยบทบัญญัติแห่งกฎหมายแล้ว
จำเลยที่ ๓ ที่ ๗ และที่ ๘ ต่างยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้น อุทธรณ์แต่ละฉบับเป็นคำฟ้องตามมาตรา ๑ (๓) แห่ง ป.วิ.พ. และเป็นคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ของแต่ละคน จึงต้องเสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นอุทธรณ์ของจำเลยแต่ละคน โดยเป็นไปตามบทบัญญัติมาตรา ๑๕๐ วรรคสอง แห่ง ป.วิ.พ. และในกรณีที่มีการยื่นอุทธรณ์แยกกัน โดยคู่ความต่างเสียค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์ ตามจำนวนทุนทรัพย์ ซึ่งเมื่อรวมกันแล้ว ค่าขึ้นศาลมีจำนวนสูงกว่าที่จะต้องชำระในกรณีที่มีการยื่นอุทธรณ์ร่วมกัน ศาลอุทธรณ์ภาค ๔ ย่อมสั่งคืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เกินได้ ตามบทบัญญัติมาตรา ๑๕๐ วรรคท้าย และศาลอุทธรณ์ภาค ๔ ก็ได้สั่งคืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เสียเกินให้จำเลยแต่ละคนแล้ว ที่จำเลยที่ ๓ ที่ ๗ และที่ ๘ จะถือเอาค่าขึ้นศาลที่จำเลยที่ ๑ เสียไว้เต็มจำนวนแล้วเป็นการชำระค่าขึ้นศาลสำหรับอุทธรณ์ที่จำเลยที่ ๓ ที่ ๗ และที่ ๘ ยื่นแยกกันเป็นคนละฉบับนั้น เป็นการไม่ชำระค่าขึ้นศาลให้ถูกต้องครบถ้วน คำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค ๔ ที่ให้จำเลยที่ ๓ ที่ ๗ และที่ ๘ ชำระค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์ในฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยแต่ละคนจึงชอบด้วยบทบัญญัติแห่งกฎหมายแล้ว
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา ๑๕๐ ในคดีที่คำ ขอให้ปลดเปลื้องทุกข์นั้นอาจคำ นวณเป็นราคาเงินได้ให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลในศาลชั้นต้นตามจำ นวนทุนทรัพย์ที่เรียกร้องหรือราคาทรัพย์สินที่พิพาท
ค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์หรือฎีกานั้น
ถ้าจำ นวนทุนทรัพย์ที่เรียกร้องหรือราคาทรัพย์สินที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์หรือฎีกาเป็นอย่างเดียวกับในศาลชั้นต้น
ให้ผู้อุทธรณ์หรือผู้ฎีกาเสียตามจำ นวนทุนทรัพย์
หรือราคาเช่นเดียวกับในศาลชั้นต้น
แต่ถ้าผู้อุทธรณ์หรือผู้ฎีกาได้รับความพอใจแต่บางส่วนตามคำ พิพากษาหรือคำ สั่งของศาลล่างแล้ว และจำ นวนทุนทรัพย์หรือราคาทรัพย์ที่พิพาทในชั้นอุทธรณ์หรือฎีกาต่ำกว่าในศาลชั้นต้น
ให้ผู้อุทธรณ์หรือผู้ฎีกาเสียค่าขึ้นศาลตามจำ นวนทุนทรัพย์หรือราคาต่ำนั้น
เมื่อได้ชำ ระค่าขึ้นศาลแล้ว ถ้าทุนทรัพย์แห่งคำ ฟ้องหรือคำ ฟ้องอุทธรณ์หรือคำ ฟ้องฎีกาทวีขึ้นโดยการยื่นคำ ฟ้องเพิ่มเติมหรือโดยประการอื่น
ให้เรียกค่าขึ้นศาลเพิ่มขึ้นตามที่บัญญัติไว้ในตารางท้ายประมวลกฎหมายนี้เมื่อยื่นคำ ฟ้องเพิ่มเติมหรือภายในระยะเวลาที่ศาลเห็นสมควร
แล้วแต่กรณี
ถ้าเนื่องจากศาลได้มีคำ สั่งให้พิจารณาคดีรวมกันหรือให้แยกคดีกัน
คำ ฟ้องใดหรือข้อหาอันมีอยู่ในคำ ฟ้องใดจะต้องโอนไปยังศาลอื่น
หรือจะต้องกลับยื่นต่อศาลนั้นใหม่ หรือต่อศาลอื่นเป็นคดีเรื่องหนึ่งต่างหาก ให้โจทก็ได้รับผ่อนผันไม่ต้องเสียค่าขึ้นศาลในการยื่น
หรือกลับยื่นคำ ฟ้องหรือข้อหาเช่นว่านั้น
เว้นแต่จำ นวนทุนทรัพย์หรือราคาทรัพย์แห่งคำ ฟ้อง หรือข้อหานั้นจะได้ทวีขึ้น
ในกรณีเช่นนี้ ค่าขึ้นศาลเฉพาะที่ทวีขึ้นให้คำ นวณและชำ ระตามที่บัญญัติไว้ในวรรคก่อน
ในกรณีที่บุคคลซึ่งเป็นคู่ความร่วมในคดีที่มูลความแห่งคดีเป็นการชำ ระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ต่างยื่นอุทธรณ์หรือฎีกาแยกกัน
โดยต่างได้เสียค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์หรือฎีกาตามความในวรรคสอง หาก
ค่าขึ้นศาลดังกล่าวเมื่อรวมกันแล้วมีจำ นวนสูงกว่าค่าขึ้นศาลที่คู่ความเหล่านั้นต้องชำ ระในกรณีที่ยื่นอุทธรณ์หรือฎีการ่วมกัน
ให้ศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกา แล้วแต่กรณี มีคำ สั่งคืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เกินแก่คู่ความเหล่านั้นตาม
ส่วนของค่าขึ้นศาลที่คู่ความแต่ละคนได้ชำ ระไปในเวลาที่ศาลนั้นมีคำ พิพากษาหรือคำ สั่ง
0 Comments
แสดงความคิดเห็น