คำพิพากษาฎีกาที่ ๒๗๒๘/๒๕๖๑
ตามคำฟ้องโจทก์ระบุว่าโจทก์มีสิทธิเรียกร้องขอให้จำเลยทั้งเจ็ดเปิดทางจำเป็น จำเลยทั้งเจ็ดให้การต่อสู้ว่าโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องขอเปิดทางจำเป็นบนที่ดินของจำเลยทั้งเจ็ด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๕๐ แม้ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาท โดยอ้างมาตรา ๑๓๕๐ ตามที่จำเลยทั้งเจ็ดให้การก็ตาม แต่เมื่อข้อเท็จจริงตามทางนำสืบของคู่ความฟังได้ว่า โจทก์มีสิทธิขอเปิดทางจำเป็นตามมาตราอื่น ศาลย่อมมีอำนาจนำบทกฎหมายที่ถูกต้องมาปรับกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามทางนำสืบของคู่ความได้
ตามคำฟ้องโจทก์ระบุว่าโจทก์มีสิทธิเรียกร้องขอให้จำเลยทั้งเจ็ดเปิดทางจำเป็น จำเลยทั้งเจ็ดให้การต่อสู้ว่าโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องขอเปิดทางจำเป็นบนที่ดินของจำเลยทั้งเจ็ด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๕๐ แม้ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาท โดยอ้างมาตรา ๑๓๕๐ ตามที่จำเลยทั้งเจ็ดให้การก็ตาม แต่เมื่อข้อเท็จจริงตามทางนำสืบของคู่ความฟังได้ว่า โจทก์มีสิทธิขอเปิดทางจำเป็นตามมาตราอื่น ศาลย่อมมีอำนาจนำบทกฎหมายที่ถูกต้องมาปรับกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามทางนำสืบของคู่ความได้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา
๑๓๔๙ เป็นบทหลักของเรื่องทางจำเป็นที่ผู้มีสิทธิผ่านที่ดินซึ่งล้อมอยู่ไปสู่ทางสาธารณะได้โดยต้องใช้ค่าทดแทนให้แก่เจ้าของที่ดินที่ล้อมอยู่เพื่อ
ความเสียหายอันเกิดแต่เหตุที่มีทางผ่านนั้น ส่วนมาตรา ๑๓๕๐ เป็นบทยกเว้นของมาตรา
๑๓๔๙ ที่ว่า หากคู่ความนำสืบข้อเท็จจริงฟังได้ว่ามีเหตุตามมาตรา ๑๓๕๐ แล้วก็ไม่ต้องเสียค่าทดแทนให้แก่เจ้าของที่ดินที่มีทางจำเป็นผ่าน
เมื่อโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาทางจำเป็นตามมาตรา ๑๓๕๐
แต่มีสิทธิเรียกร้องตามมาตรา ๑๓๔๙ ศาลย่อมพิพากษาให้โจทก์ได้รับสิทธิตามมาตรา ๑๓๔๙
ได้ ไม่เกินคำขอของโจทก์ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๒
ที่ดินของโจทก์และที่ดินของจำเลยทั้งเจ็ดแบ่งแยกออกมาจากที่ดินของ
ป. และ ร. ซึ่งแต่เดิมเป็นที่ดินแปลงเดียวกัน เดิม ป. และ ร.
ต่างเดินผ่านที่ดินของบุคคลอื่นเพื่อออกสู่ทางสาธารณะโดยไม่ได้ เกี่ยวข้องกัน
แต่ภายหลังที่ดินทางด้านทิศตะวันตกของที่ดินโจทก์ไม่มีทางออกโดยโจทก์แพ้คดีเรียกทางจำเป็นและคดีถึงที่สุด
ส่วนที่ดินทางด้านทิศตะวันออกของที่ดินโจทก์ที่ติดกับที่ดินของจำเลยที่ ๑ และ ที่
๒ ถัดไปเป็นที่ดินของจำเลยที่ ๑ และที่ ๓ ถึงที่ ๗ มีทางออกสู่ถนนได้โดยผ่านทางสาธารณะที่เกิดขึ้นในปี
๒๕๔๔ และยังมีทางออกสู่ถนนเส้นเดียวกันได้โดยผ่านที่ดินของ ส. อีกเส้นทางหนึ่ง
โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกร้องขอทางจำเป็นได้แต่ต้องเสียค่าทดแทนให้แก่จำเลยทั้งเจ็ด
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๔๙ วรรคท้าย
โจทก์ไม่ได้เสนอค่าทดแทนแก่จำเลยทั้งเจ็ดซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินที่ล้อมอยู่เพื่อความเสียหายอันเกิดแต่เหตุที่มีทางผ่านนั้น
ทั้งศาลชั้นต้นไม่ได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทเกี่ยวกับค่าทดแทนเพื่อให้คู่ความมีโอกาสนำเสนอข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความเสียหายที่ถูกต้อง
และเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย คดีจึงไม่มีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยในเรื่องค่าทดแทน
การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ใช้ค่าทดแทนการใช้ทางจำเป็นแก่จำเลยทั้งเจ็ดจึงเป็นเรื่องนอกประเด็น
ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๒
เพิ่มเติม
ฎีกาที่ ๙๙๑/๒๕๓๖ ที่ดินโจทก์จำเลยเดิมเป็นที่ดินแปลงเดียวกัน
เมื่อแบ่งแยกแล้วที่ดินโจทก์ไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ
โจทก์จึงมีสิทธิขอให้เปิดทางจำเป็นได้ตามประมวล กฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๓๕๐
โดยไม่ต้องเสียค่าตอบแทน และเมื่อฟังว่าทางพิพาทเป็นทางจำเป็นแล้ว ก็ไม่เป็นทางภาระจำยอมอีก
ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน
แม้คู่ความจะไม่ได้อุทธรณ์ฎีกาในปัญหานี้ ศาลฎีกาก็มีอำนาจแก้ไขให้ถูกต้องได้
หมายเหตุ ในเรื่องทางภาระจำยอม
ทางจำเป็นและอาจรวมตลอดไปถึงเรื่องทางสาธารณะนั้น
โดยสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา ทางจะมีลักษณะอย่างไรต้องอาศัยข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นตามภูมิประเทศว่าเป็นประการใดเป็นสำคัญ
ไม่ใช่ เรื่องการกระทำของมนุษย์โดยตรงซึ่งจะกระทำการในลักษณะที่ขัดแย้งกันเองในเวลาเดียวกันไม่ได้
ฉะนั้น ลักษณะของทางที่เกิดขึ้นตามภูมิประเทศนั้นอาจมีลักษณะที่เป็นไปได้หลายอย่าง
คำฟ้องที่บรรยายว่าทางพิพาทเป็นทางภาระจำยอม ทางจำเป็น หรือ
อาจตลอดไปถึงทางสาธารณะด้วยนั้นจึงไม่ใช่คำฟ้องที่ขัดแย้งกัน ไม่ใช่คำฟ้องที่กล่าวเป็นสองสถานอันจะเอาแน่นอนในทางใดทางหนึ่งไม่ได้
จึงไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม (อ้างอิง: เถกิงศักดิ์ คำสุระ. ฎีกาวิเคราะห์. ดุลพาห นิตยสารกระทรวงยุติธรรม)
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๑๓๔๙
ที่ดินแปลงใดมีที่ดินแปลงอื่นล้อมอยู่จนไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะได้ไซร้ ท่านว่าเจ้าของที่ดินแปลงนั้นจะผ่านที่ดินซึ่งล้อมอยู่ไปสู่ทางสาธารณะได้
ที่ดินแปลงใดมีทางออกได้แต่เมื่อต้องข้ามสระ
บึง หรือทะเล หรือมีที่ชันอันระดับที่ดินกับทางสาธารณะสูงกว่ากันมากไซร้
ท่านว่าให้ใช้ความในวรรคต้นบังคับ
ที่และวิธีทำทางผ่านนั้นต้องเลือกให้พอควรแก่ความจำเป็นของผู้มีสิทธิจะผ่าน
กับทั้งให้คำนึงถึงที่ดินที่ล้อมอยู่ให้เสียหายแต่น้อยที่สุดที่จะเป็นได้ ถ้าจำเป็นผู้มีสิทธิจะผ่านจะสร้างถนนเป็นทางผ่านก็ได้
ผู้มีสิทธิจะผ่านต้องใช้ค่าทดแทนให้แก่เจ้าของที่ดินที่ล้อมอยู่เพื่อความเสียหายอันเกิดแต่เหตุที่มีทางผ่านนั้น
ค่าทดแทนนั้นนอกจากค่าเสียหายเพราะสร้างถนน ท่านว่าจะกำหนดเป็นเงินรายปีก็ได้
มาตรา ๑๓๕๐
ถ้าที่ดินแบ่งแยกหรือแบ่งโอนกันเป็นเหตุให้แปลงหนึ่งไม่มีทางออกไปสู่ทางสาธารณะไซร้
ท่านว่าเจ้าของที่ดินแปลงนั้นมีสิทธิเรียกร้องเอาทางเดินตามมาตราก่อนได้เฉพาะบนที่ดินแปลงที่ได้แบ่งแยกหรือแบ่งโอนกันและไม่ต้องเสียค่าทดแทน
0 Comments
แสดงความคิดเห็น