ความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน
ตาม ป.อ. มาตรา ๑๓๗ (เดิม) มีระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ โจทก์จึงต้องฟ้องและได้ตัวจำเลยที่ ๑ มายังศาลภายในกำหนด ๕ ปี
นับแต่วันกระทำความผิด มิฉะนั้นเป็นอันขาดอายุความ ตาม ป.อ. มาตรา ๙๕ (๔)
ซึ่งกรณีเช่นนี้ต้องถือวันกระทำความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง
หาใช่วันที่โจทก์รู้เรื่องการกระทำความผิดไม่ เมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้วันที่ ๒๐
พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องคดีมีมูลและหมายเรียกจำเลยที่ ๑ มาศาล
ในวันนัดสอบคำให้การเมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๙ ซึ่งเกินกว่า ๕ ปี นับแต่วันกระทำความผิดเมื่อวันที่
๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๒ ตามที่โจทก์ฟ้อง ฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๑ ในความผิดฐานดังกล่าว
จึงขาดอายุความ ตาม ป.อ. มาตรา ๙๕ (๔)
- อายุความเริ่มนับแต่วันกระทำความผิด
- คดีนี้ ผู้เสียหายเป็นโจทก์ฟ้องคดีเอง
จำเลยมาศาลในวันนัดสอบคำให้การ จึงถือว่าได้ตัวผู้กระทำผิดมายังศาลในวันดังกล่าว
- การนับอายุความ
ให้นับระยะเวลาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๙๓/๓ วรรคสอง (ฎีกาที่ ๑๙๘-๑๙๙/๒๕๐๘)
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๙๕
ในคดีอาญา ถ้ามิได้ฟ้องและได้ตัวผู้กระทำความผิดมายังศาลภายในกำหนดดังต่อไปนี้
นับแต่วันกระทำความผิด เป็นอันขาดอายุความ
(๑) ยี่สิบปี สำหรับความผิดต้องระวางโทษประหารชีวิต
จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกยี่สิบปี
(๒) สิบห้าปี สำหรับความผิดต้องระวางโทษจำคุกกว่าเจ็ดปีแต่ยังไม่ถึงยี่สิบปี
(๓) สิบปี สำหรับความผิดต้องระวางโทษจำคุกกว่าหนึ่งปีถึงเจ็ดปี
(๔) ห้าปี สำหรับความผิดต้องระวางโทษจำคุกกว่าหนึ่งเดือนถึงหนึ่งปี
(๕) หนึ่งปี สำหรับความผิดต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งเดือนลงมา
หรือต้องระวางโทษอย่างอื่น
ถ้าได้ฟ้องและได้ตัวผู้กระทำความผิดมายังศาลแล้ว
ผู้กระทำความผิดหลบหนีหรือวิกลจริต และศาลสั่งงดการพิจารณาไว้จนเกินกำหนดดังกล่าวแล้วนับแต่วันที่หลบหนีหรือวันที่ศาลสั่งงดการพิจารณา
ก็ให้ ถือว่าเป็นอันขาดอายุความเช่นเดียวกัน
0 Comments
แสดงความคิดเห็น