จำเลยเข้ามาทางด้านหลังของผู้เสียหายแล้วถามผู้เสียหายว่า
มีเงินเท่าใด จากนั้นเข้าประชิดตัวผู้เสียหายพร้อมทั้งทำท่าจะล้วงอาวุธจากขอบกางเกงด้านหลัง ซึ่งลักษณะการกระทำของจำเลยเป็นการข่มขู่ คุกคามผู้เสียหาย โดยเฉพาะจำเลยเป็นชายอยู่ในวัยฉกรรจ์ มีร่างกายล่ำกำยำและสูงกว่าผู้เสียหายมาก ผู้เสียหายเป็นหญิงและกำลังศึกษาย่อมเกิดความเกรงกลัวจำเลย พฤติการณ์ของจำเลยถือได้ว่าเป็นการขู่เข็ญผู้เสียหายว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายการที่จำเลยกระทำ และพูดกับผู้เสียหายเช่นนั้น
ก็เพื่อให้ผู้เสียหายส่งเงินให้แก่จำเลย
เมื่อผู้เสียหายส่งเงินให้เพราะเกิดความกลัวเนื่องจากถูกจำเลยขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์เงินของผู้เสียหาย
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๙ (๒) วรรคสาม ทั้งนี้ โดยไม่ต้องคำนึงถึงว่าจำเลยเป็นผู้หยิบเอาทรัพย์นั้นเองหรือผู้เสียหายเป็นผู้หยิบส่งให้ไป
จำ เลยขับรถจักรยานยนต์ติดตามผู้เสียหายมาถึงที่เกิดเหตุ
แล้วชิงทรัพย์ของผู้เสียหายไป ย่อมเป็นการใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำ ผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม
อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐ ตรี
ผู้เสียหายกลัวจำ เลยจะข่มขืนกระทำ ชำ เราจึงถอดสร้อยคอทองคำที่สวมอยู่ให้จำ เลยไปเอง โดยไม่ปรากฏว่าจำ เลยขู่เข็ญหรือใช้กำ ลังประทุษร้ายผู้เสียหายเพื่อมุ่งประสงค์ต่อสร้อยคอทองคำ ของผู้เสียหายหากแต่ผู้เสียหายคิดว่าเมื่อจำ เลยได้สร้อยคอทองคำ แล้วจะปล่อยตัวผู้เสียหาย การที่จำ เลยรับเอาสร้อยคอทองคำ จากผู้เสียหายไป เป็นเจตนาทุจริตที่เกิดขึ้นภายหลัง
การกระทำ ของจำ เลยไม่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์
แต่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๔
ข้อเท็จจริงตามการพิจารณาได้ความว่า
นอกจากจำ เลยมีเจตนาชิงเงินของผู้เสียหายแล้ว
จำ เลยยังลักสร้อยคอทองคำ ของผู้เสียหายอันเป็นความผิดอีกกรรมหนึ่งแยกต่างหากจากกันเมื่อความผิดฐานชิงทรัพย์เป็นความผิดที่รวมการกระทำ ความผิดฐานลักทรัพย์อยู่ด้วย
แม้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำ เลยฐานชิงทรัพย์เงินสดและสร้อยคอทองคำ แต่เมื่อพิจารณาได้ความว่า จำ เลยกระทำ ความผิดฐานลักทรัพย์สร้อยคอทองคำ ศาลย่อมมีอำ นาจปรับบทความผิดและบทลงโทษ
จำ เลยฐานลักทรัพย์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา
๑๙๒ วรรคท้าย แต่โจทก์มิได้อุทธรณ์หรือฎีกา ศาลฎีกาไม่อาจลงโทษจำ เลยในความผิดฐานลักทรัพย์อีกกระทงหนึ่งได้
เพราะจะเป็นการพิพากษาเพิ่มโทษต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา
๒๑๒ ประกอบมาตรา ๒๒๕
ตามฎีกานี้
ประเด็นความผิดฐานลักทรัพย์นั้น ได้ความว่า จำเลยฉุดกระชากลากตัวผู้เสียหายไปที่ลานจอดรถอีกช่องหนึ่งซึ่งมีรถกระบะจอดอยู่
จำเลยผลักและเหวี่ยงผู้เสียหายที่พื้นและบอกให้ถอดกางเกง
จำเลยกอดปล้ำและพยายามดึงกางเกงผู้เสียหายออก
ผู้เสียหายกลัวจำเลยจะข่มขืนจึงถอดสร้อยคอทองคำที่สวมอยู่ให้จำเลยไป
โดยคิดว่าเมื่อจำเลยได้สร้อยแล้วจะปล่อยตัวผู้เสียหาย
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๓๓๙ ผู้ใดลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย
หรือขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อ
(๑) ให้ความสะดวกแก่การลักทรัพย์หรือการพาทรัพย์นั้นไป
(๒) ให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์นั้น
(๓) ยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้
(๔) ปกปิดการกระทำความผิดนั้น
หรือ
(๕) ให้พ้นจากการจับกุม
ผู้นั้นกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์
ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาท ถึงสองแสนบาท
ถ้าความผิดนั้นเป็นการกระทำที่ประกอบด้วยลักษณะดังที่บัญญัติไว้ในอนุมาตราหนึ่งอนุมาตราใดแห่งมาตรา
๓๓๕ หรือเป็นการกระทำต่อทรัพย์ที่เป็นโค กระบือ
เครื่องกลหรือเครื่องจักรที่ผู้มีอาชีพกสิกรรมมีไว้ สำหรับประกอบกสิกรรม ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบปีถึงสิบห้าปี
และปรับตั้งแต่สองแสนบาทถึง สามแสนบาท
ถ้าการชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ
ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบปีถึง ยี่สิบปี
และปรับตั้งแต่สองแสนบาทถึงสี่แสนบาท
ถ้าการชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส
ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี
และปรับตั้งแต่สามแสนบาทถึงสี่แสนบาท
ถ้าการชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
ผู้กระทำต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต
มาตรา ๓๔๐ ตรี ผู้ใดกระทำ ความผิดตามมาตรา ๓๓๙ มาตรา ๓๓๙ ทวิ
มาตรา ๓๔๐ หรือมาตรา ๓๔๐ ทวิ โดยแต่งเครื่องแบบทหารหรือตำ รวจหรือแต่งกายให้เข้าใจว่าเป็นทหารหรือตำ รวจ
หรือโดยมีหรือใช้อาวุธปืนหรือวัตถุระเบิด หรือโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำ ผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป
หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม ต้องระวางโทษหนักกว่าที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้น ๆ
กึ่งหนึ่ง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา ๑๙๒
วรรคท้าย ถ้าความผิดตามที่ฟ้องนั้นรวมการกระทำ หลายอย่าง แต่ละอย่างอาจเป็นความผิดได้อยู่ในตัวเอง ศาลจะลงโทษจำ เลยในการกระทำ ผิดอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่พิจารณาได้ความก็ได้
0 Comments
แสดงความคิดเห็น