คำพิพากษาฎีกาที่ ๕๐๕๒/๒๕๖๑ 
               ที่ดินพิพาทเป็นสินส่วนตัวของ น. มิใช่สินสมรสระหว่าง น. กับจำเลย น. มีอำนาจจัดการสินส่วนตัวของตนโดยให้จำเลยถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาททั้งสองแปลงบางส่วนและยกกรรมสิทธิ์ในส่วนของ น. ให้แก่จำเลยได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๔๗๓ การที่ น. ยกที่ดินพิพาทซึ่งเป็นสินส่วนตัวให้แก่จำเลยเป็นสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายที่ น. จะกระทำได้ไม่มีผลทำให้นิติกรรมตกเป็นโมฆะ ส่วน น. และจำเลยแจ้งความเท็จโดยมีเจตนาหลีกเลี่ยงการเสียค่าธรรมเนียม ค่าภาษีเงินได้ ค่าอากร และค่าใช้จ่ายในการโอนก็เป็นหน้าที่ของรัฐที่จะต้องไปดำเนินการเรียกเอาจากผู้ที่เกี่ยวข้อง

               ตามฎีกานี้ การที่ น. และจำเลยร่วมกันแจ้งข้อความเท็จต่อเจ้าพนักงานที่ดินว่าที่ดินพิพาททั้งสองแปลงได้มาระหว่างสมรสโดยการซื้อและเป็นสินสมรสโดยมีเจตนาเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีเงินได้ ค่าอากร และ ค่าธรรมเนียมในการโอนที่ดินเป็นการกระทำที่ขัดต่อความสงบ เรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๐ หรือไม่ ซึ่งโจทก์ฟ้องว่านิติกรรมดังกล่าวและนิติกรรมการให้ระหว่าง น. กับจำเลยเป็นโมฆะ ดังนั้น ที่ดินดังกล่าวจึงเป็นทรัพย์มรดกที่ตกทอดแก่โจทก์ ซึ่งเป็นบุตรของ น. อันเกิดกับภริยาอีกคนหนึ่งด้วย

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
               มาตรา ๑๔๗๓ สินส่วนตัวของคู่สมรสฝ่ายใดให้ฝ่ายนั้นเป็นผู้จัดการ