คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๘๔๐๗/๒๕๖๑
การที่จำเลยที่ ๑ นำหนังสือสัญญากู้เงินที่ปลอมลายมือชื่อของผู้เสียหาย ใช้หรืออ้างในการฟ้องคดีต่อศาลชั้นต้น อันเป็นความผิดฐานใช้ หรืออ้างเอกสารสิทธิปลอม กับการที่จำเลยที่ ๑ นำหนังสือสัญญากู้เงินฉบับดังกล่าวนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดี อันเป็นความผิดฐานเบิกความอันเป็นเท็จและฐานนำสืบหรือแสดง พยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดี แม้การกระทำของจำเลยที่ ๑ ตามขั้นตอนต่าง ๆ ดังกล่าวเป็นการกระทำคนละวัน แต่เป็นการกระทำที่ต่อเนื่องเชื่อมโยงกันโดยมีเจตนาเดียวกัน คือเพื่อที่จะให้ศาลพิพากษาให้ผู้เสียหายชำระเงินกู้ให้แก่จำเลยที่ ๑ ตามหนังสือสัญญากู้เงินที่ทำปลอมขึ้นเป็นสำคัญการกระทำของจำเลยที่ ๑ จึงเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทต้องลงโทษในความผิดฐานใช้เอกสารสิทธิปลอม ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ. มาตรา ๙๐ เพียงกระทงเดียว
การที่จำเลยที่ ๑ นำหนังสือสัญญากู้เงินที่ปลอมลายมือชื่อของผู้เสียหาย ใช้หรืออ้างในการฟ้องคดีต่อศาลชั้นต้น อันเป็นความผิดฐานใช้ หรืออ้างเอกสารสิทธิปลอม กับการที่จำเลยที่ ๑ นำหนังสือสัญญากู้เงินฉบับดังกล่าวนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดี อันเป็นความผิดฐานเบิกความอันเป็นเท็จและฐานนำสืบหรือแสดง พยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดี แม้การกระทำของจำเลยที่ ๑ ตามขั้นตอนต่าง ๆ ดังกล่าวเป็นการกระทำคนละวัน แต่เป็นการกระทำที่ต่อเนื่องเชื่อมโยงกันโดยมีเจตนาเดียวกัน คือเพื่อที่จะให้ศาลพิพากษาให้ผู้เสียหายชำระเงินกู้ให้แก่จำเลยที่ ๑ ตามหนังสือสัญญากู้เงินที่ทำปลอมขึ้นเป็นสำคัญการกระทำของจำเลยที่ ๑ จึงเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทต้องลงโทษในความผิดฐานใช้เอกสารสิทธิปลอม ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ. มาตรา ๙๐ เพียงกระทงเดียว
ตามฎีกานี้
การกระทำของจำเลยที่ ๑ เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันหรือไม่
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๙๐
เมื่อการกระทำใดอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท
ให้ใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษแก่ผู้กระทำความผิด
อ่านเพิ่มเติม ฎีกาที่ ๒๓๔๗/๒๕๖๑
0 Comments
แสดงความคิดเห็น