คำพิพากษาฎีกาที่ ๕๒๑/๒๕๖๒ 
               แม้ผู้ทำละเมิดจงใจหรือประมาทเลินเล่อทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายแล้ว แต่เมื่อยังไม่เกิดความเสียหาย ผู้ทำละเมิดก็ยังไม่ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๒๐ สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อความเสียหายเกิดขึ้นจริง จึงต้องเริ่มนับอายุความแต่วันที่เกิดความเสียหายซึ่งเป็นวันที่โจทก์ทั้งสองรู้ถึงการละเมิด ตามมาตรา ๔๔๘ วรรคหนึ่ง มิใช่นับแต่วันที่โจทก์ทั้งสองรู้ถึงการกระทำผิดกฎหมาย และรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน
               บ. มีถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๔๘ โจทก์ทั้งสองเพิ่งรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๔ และวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ตามลำดับ สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายของโจทก์ทั้งสองเพิ่งเกิดขึ้นหลังจาก บ. เจ้ามรดกถึงแก่ความตายไปแล้ว ต้องถือว่าโจทก์ทั้งสองรู้หรือควรได้รู้ถึงความตายของ บ. ในวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๔ และวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ตามลำดับ โจทก์ทั้งสองฟ้องจำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๕ เมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ยังไม่พ้นกำหนด ๑ ปี คดีโจทก์ทั้งสอง สำหรับจำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๕ ในส่วนของการเรียกค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดยังไม่ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๗๕๔ วรรคสาม
               โจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งห้าร่วมกันทำการป้องกันมิให้เกิดการทรุดพังทลายของดินในแนวเขตถนนสาธารณะและถนนสาธารณะไม่มีชื่ออีกต่อไป โดยใช้กล่องเกเบี้ยนบรรจุหินขนาดใหญ่ ขนาด ๒ xx ๑ เมตร ประกอบการบดอัดดินเดิมทับบนแผ่นเสริม กำบังดิน ไม่ใช่การฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทน และไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้โดยเฉพาะจึงมีอายุความ ๑๐ ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๙๓/๓๐

               ตามฎีกานี้ โจทก์ที่ ๑ เป็นนายอำเภอ โจทก์ที่ ๒ เป็นองค์การบริหารส่วนตำบล
               วันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๔ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและเจ้าหน้าที่ของโจทก์ที่ ๒ ถนนที่พิพาทได้รับความเสียหายเนื่องจากมีการพังทลายของดินอย่างต่อเนื่องและรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของ อ. และวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๔ โจทก์ที่ ๒ มีหนังสือแจ้งให้โจทก์ที่ ๑ ทราบ

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
               มาตรา ๔๒๐ ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
               มาตรา ๔๔๘ สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดนั้น ท่านว่าขาดอายุความเมื่อพ้นปีหนึ่งนับแต่วันที่ผู้ต้องเสียหายรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึ่งต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน หรือเมื่อพ้นสิบปีนับแต่วันทำละเมิด
               แต่ถ้าเรียกร้องค่าเสียหายในมูลอันเป็นความผิดมีโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา และมีกำหนดอายุความทางอาญายาวกว่าที่กล่าวมานั้นไซร้ ท่านให้เอาอายุความที่ยาวกว่านั้นมาบังคับ
               มาตรา ๑๗๕๔ ห้ามมิให้ฟ้องคดีมรดกเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปี นับแต่เมื่อเจ้ามรดกตาย หรือนับแต่เมื่อทายาทโดยธรรมได้รู้ หรือควรได้รู้ถึงความตายของเจ้ามรดก คดีฟ้องเรียกตามข้อกำหนดพินัยกรรม มิให้ฟ้องเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปีนับแต่เมื่อผู้รับพินัยกรรมได้รู้หรือควรได้รู้ถึงสิทธิซึ่งตนมีอยู่ตามพินัยกรรม