ตามฎีกานี้
กำหนดชำระค่าเช่าซื้อทุกวันที่ ๑๐ ของเดือน จำเลยที่ ๑
ชำระค่าเช่าซื้อให้แก่โจทก์เพียง ๒ งวด คืองวดประจำวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗
และวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๗ ต่อมาวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๕๗ จำเลยที่ ๑
ส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนให้แก่โจทก์
เพิ่มเติม
นำรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนโจทก์เพื่อขอโอนสิทธิการเช่าซื้อให้แก่ผู้อื่น
อันเป็นการเปลี่ยนตัวผู้เช่าซื้อ ถือว่าเป็นการบอกเลิกสัญญาตามมาตรา ๕๗๓ ดังนี้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องให้จำเลยทั้งสองรับผิด
ตามสัญญาเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกันได้
ฎีกาที่
๗๐๒๔/๒๕๔๘ จำเลยที่ ๑ ได้ติดต่อกับ พ. พนักงานของโจทก์ ณ ที่ทำการของโจทก์ว่าจะเปลี่ยนสัญญาเช่าซื้อใหม่
โดยให้ ย. เป็นผู้เช่าซื้อ และให้ ก. เป็นผู้ค้ำประกันแทนจำเลยทั้งสอง พ. จึงให้จำเลยที่
๑ และ ย.
ซึ่งเป็นผู้เช่าซื้อเดิมและผู้เช่าซื้อใหม่ลงลายมือชื่อในแบบพิมพ์หนังสือโอนสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อของโจทก์ให้
ย. ลงลายมือชื่อเป็นผู้เช่าซื้อในสัญญาเช่าซื้อโดยไม่มีการกรอกข้อความและลงลายมือชื่อรับมอบรถยนต์ในหนังสือหลักฐานการรับมอบรถยนต์ที่ทำขึ้นโดยบริษัทโจทก์
โดย พ. พนักงานของโจทก์ลงลายมือชื่อในฐานะเป็นฝ่ายโอนสิทธิและผู้ส่งมอบ
มีการตรวจสอบความถูกต้องในการจัดทำเอกสารพนักงานฝ่ายอื่นของโจทก์อีกด้วย
ทั้งในวันดังกล่าวจำเลยที่ ๑ ได้ชำระค่าธรรมเนียมในการโอนสิทธิให้แก่โจทก์รับไปถูกต้องตามประเพณีปฏิบัติในการโอนสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อของโจทก์แล้ว
ถือได้ว่าจำเลยที่ ๑ ได้ส่งมอบรถยนต์คันที่เช่าซื้อคืนแก่โจทก์แล้วในวันดังกล่าว
ฉะนั้น การที่จำเลยที่ ๑ ผู้เช่าซื้อได้ส่งมอบรถยนต์คันที่เช่าซื้อคืนแก่โจทก์ผู้ให้เช่าซื้อถือได้ว่าเป็นการบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อแก่โจทก์แล้ว
โดยไม่ต้องคำนึงว่าหนังสือโอนสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อและสัญญาเช่าซื้อระหว่าง ย.
กับโจทก์จะได้ทำถูกต้องตามแบบที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ สัญญาเช่าซื้อระหว่างจำเลยที่
๑ กับโจทก์ก็เป็นอันเลิกกันตาม ป.พ.พ. มาตรา ๕๗๓ นับแต่วันที่จำเลยที่ ๑ ส่งมอบรถยนต์คันที่เช่าซื้อคืนแก่โจทก์
โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องให้จำเลยทั้งสองรับผิด ตามสัญญาเช่าซื้อและสัญญาค้ำประกันได้
ฎีกาที่
๓๒๓๘/๒๕๕๒ การที่จำเลยที่ ๑ นำรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนโจทก์เพื่อขอโอนสิทธิการเช่าซื้อให้แก่
ท. และโจทก์ได้เรียกเก็บเงินค่าเปลี่ยนสัญญา
ค่าเปลี่ยนชื่อในเล่มทะเบียนโดยใช้แบบพิมพ์ของโจทก์ และจำเลยที่ ๑ ได้ชำระค่าตรวจสภาพรถ
ค่าปรับล่าช้าและสั่งจ่ายเช็ครวม ๖ ฉบับ เพื่อชำระค่าเช่าซื้อล่วงหน้าและโจทก์ยึดรถจากผู้ครอบครองคือ
ท. และเป็นการยึดรถที่จังหวัดยโสธรอันเป็นภูมิลำเนาของ ท.
ซึ่งโจทก์รับในฎีกาว่ายึดรถยนต์ได้จาก ท. พฤติการณ์ดังกล่าวมาทั้งหมดนี้
ถือได้ว่าจำเลยที่ ๑ ได้ส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนโจทก์ซึ่งเป็นการบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อแก่โจทก์แล้ว
ดังนั้น ไม่ว่าการเปลี่ยนตัวผู้เช่าซื้อจากจำเลยที่ ๑ เป็น ท. นั้น
โจทก์จะไม่อนุมัติในภายหลัง สัญญาเช่าซื้อก็เป็นอันเลิกกันแล้วนับแต่วันที่จำเลยที่
๑ ส่งมอบรถยนต์พิพาทคืนโจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๕๗๓ ซึ่งเป็นบทบัญญัติให้สิทธิผู้เช่าซื้อเลิกสัญญา
เมื่อสัญญาเลิกกันโดยจำเลยที่ ๑ มิได้ประพฤติผิดสัญญาและไม่มีหนี้ที่ต้องรับผิดต่อโจทก์
โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าขาดราคา และค่าขาดประโยชน์
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา
๕๗๓
ผู้เช่าจะบอกเลิกสัญญาในเวลาใดเวลาหนึ่งก็ได้ด้วยส่งมอบทรัพย์สินกลับคืนให้แก่เจ้าของโดยเสียค่าใช้จ่ายของตนเอง
0 Comments
แสดงความคิดเห็น