โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลประเภทภาพเคลื่อนไหว
(วิดีโอ) ที่มีลักษณะอันลามกเกี่ยวกับโจทก์ โดยที่จำเลยเป็นผู้กำกับและดำเนินการถ่ายทำวิดีโอลงในระบบคอมพิวเตอร์เว็บไซด์เวิลด์ไวด์เว็บดอทจีเมลดอทคอม
ซึ่งทำให้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ เนื่องจากเว็บไซต์ดังกล่าว
มีลักษณะเป็นสังคมออนไลน์ที่โยงกับเว็บไซด์อื่นก็ตาม แต่ตอนท้าย
โจทก์บรรยายฟ้องถึงที่อยู่อิเล็กทรอนิกส์ของจำเลยและมีเพียงจำเลยที่รู้รหัสผ่านเข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์ส่งไปยังบุตรสาวของโจทก์เพื่อประจานการกระทำของโจทก์
แสดงว่าการที่จำเลยนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีลักษณะอันลามกประชาชนทั่วไปไม่อาจเข้าถึงได้หากไม่รู้รหัสผ่านของจำเลยเพื่อเข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์นั้น
ทั้งการส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีลักษณะอันลามกเป็นการส่งในลักษณะเฉพาะเจาะจงไปยังบุตรสาวของโจทก์
มิได้เป็นการเผยแพร่แก่ประชาชนทั่วไป ดังนี้ การกระทำของจำเลยตามคำฟ้องของโจทก์ไม่อาจเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
พ.ศ.๒๕๕๐ มาตรา ๑๔ (๔) ได้ ฟ้องของโจทก์ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา ๑๕๘ (๕)
จำเลยส่งข้อความถึงโจทก์ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต
โปรแกรมสไกป์ (SKYPE) และแอปพลิเคชันไลน์ (LINE)
ว่า จำเลยต้องการเงิน ๑๐๐,๐๐๐ ดอลล่าร์ฮ่องกง
หากโจทก์ไม่ยินยอมมอบเงินให้ จำเลยจะเปิดเผยภาพเปลือยและวิดีโอบันทึกภาพลามกเกี่ยวกับโจทก์ซึ่งเป็นความลับให้บุตรสาวโจทก์ทราบ
การกระทำของจำเลยเป็นการข่มขืนใจผู้อื่น ให้ยอมให้ หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน
โดยขู่เข็ญจะเปิดเผยความลับ ซึ่งการเปิดเผย นั้นจะทำให้ผู้ถูกขู่เข็ญหรือบุคคลที่สามเสียหาย
ครบองค์ประกอบความผิดฐานรีดเอาทรัพย์ เมื่อโจทก์ไม่ยินยอมมอบเงินให้ตามที่จำเลยขู่เข็ญ
การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานพยายามรีดเอาทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๘,
๘๐
เพิ่มเติม
การขู่เข็ญว่าจะเปิดเผยความลับซึ่งเป็นองค์ประกอบความผิดตาม
ป.อ. มาตรา ๓๓๘ หมายความว่า การขู่เข็ญว่าจะเปิดเผยเหตุการณ์ข้อเท็จจริงที่ไม่ประจักษ์แก่บุคคลทั่วไป
และเป็นข้อเท็จจริงที่เจ้าของความลับประสงค์จะปกปิดไม่ให้บุคคลอื่นรู้ ดังนี้
ความลับจึงไม่จำเป็นต้องเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย หรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย
หรือผิดศีลธรรมอันดีของประชาชน หากเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงและเจ้าของข้อเท็จจริงประสงค์จะปกปิดไม่ให้บุคคลอื่นรู้ก็ถือว่าเป็นความลับแล้ว(ฎีกาที่
๑๒๖๘๕/๒๕๕๘)
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๓๓๘ ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่น
ให้ยอมให้ หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน
โดยขู่เข็ญว่าจะเปิดเผยความลับซึ่งการเปิดเผยนั้นจะทำให้ผู้ถูกขู่เข็ญหรือบุคคลที่สามเสียหาย
จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานรีดเอาทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี
และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท
0 Comments
แสดงความคิดเห็น