คำพิพากษาฎีกาที่ ๒๑๓๓/๒๕๖๑ 
               คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น ผู้ร้องยื่นคำร้องสอดอ้างว่า เป็นบุตรและผู้จัดการมรดกของ ป. ซึ่งเป็นทายาทและถึงแก่ความตายก่อนเจ้ามรดกในคดีนี้ ผู้ร้องมีสิทธิรับมรดกของ ป. ที่มีอยู่ในกองมรดก ทั้งมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของเจ้ามรดกแบ่งทรัพย์มรดกให้ผู้ร้อง เช่นนี้ผู้ร้องมีสิทธิร้องสอดเข้ามาในคดีเพื่อบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๕๗ (๑) และประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๗๔๙ และเป็นกรณีที่ผู้ร้องเข้ามาในคดีเพื่อขอให้บังคับจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของเจ้ามรดกจัดการแบ่งทรัพย์มรดกในส่วนที่โจทก์ทั้งสองฟ้องขอแบ่งให้แก่กองมรดกของ ป. หนึ่งในห้าส่วนที่ ป. มีสิทธิได้รับ อันเป็นการเรียกร้องทรัพย์มรดกที่อ้างว่า เป็นส่วนของตนจากจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกในขณะที่โจทก์ทั้งสองฟ้องเรียกทรัพย์มรดก ซึ่งผู้ร้องสอดมีสิทธิร้องสอดเข้ามา มาตรา ๑๗๔๙ ได้ ไม่อาจถือว่าเป็นการต่อสู้กับจำเลยซึ่งเป็นตัวแทนของตนเอง
               ผู้ร้องยื่นคำร้องสอดเข้ามาในคดีในฐานะผู้จัดการมรดกของ ป. ขอให้บังคับจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของเจ้ามรดกจัดการแบ่งทรัพย์มรดกในส่วนที่โจทก์ทั้งสองขอแบ่งหนึ่งในห้าส่วนที่ ป. มีสิทธิได้รับในฐานะที่ ป. เป็นทายาทของเจ้ามรดกให้แก่กองมรดกของ ป. อันเป็นการเรียกทรัพย์มรดก จึงเป็นคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ และมีทุนทรัพย์ตามทรัพย์ที่ผู้ร้องเรียกร้องให้เป็นกองมรดกของ ป. ศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งให้ผู้ร้องชำระค่าขึ้นศาลให้ครบถ้วนในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด

เพิ่มเติม
               ฎีกาที่ ๘๑๐-๘๑๑/๒๕๔๗ การร้องขอเข้าเป็นคู่ความตามมาตรา ๕๗(๑) ต้องยื่นคำร้องขอต่อศาลที่คดีนั้นอยู่ระหว่างพิจารณา เว้นแต่สิทธิเรียกร้องเกี่ยวเนื่องกับการบังคับคดีตามคำพิพากษา หรือคำสั่งก็ให้ยื่นคำร้องขอต่อศาลที่ออกหมายบังคับคดีนั้น ส่วนมาตรา ๕๗(๒) ต้องยื่นคำร้องต่อศาลไม่ว่าเวลาใด ๆ ก่อนมีคำพิพากษา ดังนั้น ทั้งสองกรณีดังกล่าวต้องยื่นก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาเท่านั้น จะยื่นในระหว่างอุทธรณ์ไม่ได้
               ฎีกาที่ ๗๗๐๙/๒๕๔๔ ป.วิ.พ. มาตรา ๕๗ วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า บุคคลภายนอกซึ่งมิใช่คู่ความอาจเข้ามาเป็นคู่ความได้ด้วยการร้องสอด ตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวเป็นที่ชัดเจนว่า เฉพาะแต่บุคคลภายนอกที่มิใช่คู่ความเท่านั้นที่จะเข้ามาในคดีด้วยการร้องสอด แต่ผู้ร้องสอดเป็นจำเลยที่ ๓ ในคดีอยู่แล้ว จึงไม่ใช่บุคคลภายนอก ไม่อาจร้องสอดเข้ามาในคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๕๗ วรรคหนึ่ง (๑) ได้
               ฎีกาที่ ๔๔๑๐/๒๕๔๒ ผู้ร้องสอดยื่นคำร้องเข้ามาเป็นคู่ความฝ่ายที่สามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๕๗ (๑)  คำร้องดังกล่าวเป็นคำฟ้อง ซึ่งถือเป็นคำคู่ความ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง มีผลเป็นการไม่รับคำร้องสอด คำสั่งศาลชั้นต้นจึงเป็นคำสั่งไม่รับคำคู่ความตาม มาตรา ๒๒๗ และไม่ถือเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ผู้ร้องสอดย่อมอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวได้ภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันมีคำสั่งเป็นต้นไปตามมาตรา ๒๒๙

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
               มาตรา ๕๗ บุคคลภายนอกซึ่งมิใช่คู่ความอาจเข้ามาเป็นคู่ความได้ด้วยการร้องสอด
               (๑) ด้วยความสมัครใจเองเพราะเห็นว่าเป็นการจำเป็นเพื่อยังให้ได้รับความรับรอง คุ้มครอง หรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่ โดยยื่นคำร้องขอต่อศาลที่คดีนั้นอยู่ในระหว่างพิจารณา หรือเมื่อตนมีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวเนื่องด้วยการบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง โดยยื่นคำร้องขอต่อศาลที่ออกหมายบังคับคดีนั้น

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
               มาตรา ๑๗๔๙ ถ้ามีคดีฟ้องเรียกทรัพย์มรดก ผู้ซึ่งอ้างว่าตนเป็นทายาทมีสิทธิในทรัพย์มรดกนั้น จะร้องสอดเข้ามาในคดีก็ได้
               แต่ศาลจะเรียกทายาทอื่น นอกจากคู่ความ หรือผู้ร้องสอด ให้เข้ามารับส่วนแบ่ง หรือกันส่วนแห่งทรัพย์มรดกไว้เพื่อทายาทอื่นนั้นไม่ได้