คำพิพากษาฎีกาที่
๗๑๐๗/๒๕๖๑
เมทแอมเฟตามีน ๒
เม็ดที่พบที่ห้องพักของจำเลยภายหลังการล่อซื้อเป็นของจำเลยมีไว้เพื่อเสพ
และเป็นคนละส่วนกับเมทแอมเฟตามีน ๑๙๑ เม็ด ที่จำเลยกับพวกมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและพยายามจำหน่ายไปในคราวเดียวให้แก่
พ. จำเลยจึงมีเจตนาแยกการครอบครองเมทแอมเฟตามีน ๑๙๑ เม็ด และเมทแอมเฟตามีน ๒ เม็ด
แตกต่างกัน การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีน ๑๙๑ เม็ด
ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและพยายามจำหน่ายกรรมหนึ่ง และฐานมีเมทแอมเฟตามีน ๒ เม็ด
ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตอีกกรรมหนึ่ง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีน
๑๙๓ เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย แต่ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาฟังได้ว่า
เมทแอมเฟตามีนที่พบในภายหลัง ๒ เม็ด จำเลยมีไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต
เป็นคนละส่วนกับเมทแอมเฟตามีน ๑๙๑ เม็ด ที่จำเลยกับพวกมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและพยายามจำหน่ายไปในคราวเดียวกัน
ดังนี้ ศาลฎีกาย่อมลงโทษจำเลยฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตด้วยได้
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๒ วรรคสอง ประกอบมาตรา ๒๑๕ และ ๒๒๕
ประกอบพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.๒๕๕๐ มาตรา ๓ เพราะเป็นข้อแตกต่าง
ที่มิใช่สาระสำคัญและจำเลยมิได้หลงต่อสู้
ตามฎีกานี้ จำเลยโทรศัพท์แจ้งให้
ว. ไปรับเมทแอมเฟตามีนที่ริมทางบริเวณป้ายขนส่งเพื่อนำไปมอบให้แก่ พ. ไม่ใช่ไปรับเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยที่ห้องพักทั้งไม่ได้ความว่าจำเลยได้นำเมทแอมเฟตามีนจากห้องพักไปวางไว้ด้วยตนเองหรือใช้ให้บุคคลใดนำไปวาง
ฎีกาที่ ๖๖๖๕/๒๕๖๐ การมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษเป็นเรื่องความรับผิดทางอาญา
เมื่อ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๔ มิได้บัญญัติความหมายพิเศษของค่าว่า
มีไว้ในครอบครอง ไว้ จึงต้องถือตามความหมายทั่วไปว่า
การมียาเสพติดให้โทษอยู่ในความยึดถือหรือปกครองดูแลของตนโดยรู้ว่าเป็นยาเสพติดให้โทษเป็นการมีไว้ในครอบครองแล้ว
อ่านเพิ่มเติม ฎีกาที่ ๖๖๖๕/๒๕๖๐
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๙๑
เมื่อปรากฏว่าผู้ใดได้กระทำการอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
ให้ศาลลงโทษผู้นั้นทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป แต่ไม่ว่าจะมีการเพิ่มโทษ ลดโทษ
หรือลดมาตราส่วนโทษด้วยหรือไม่ก็ตาม เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว
โทษจำคุกทั้งสิ้นต้องไม่เกินกำหนดดังต่อไปนี้
(๑) สิบปี
สำหรับกรณีความผิดกระทงที่หนักที่สุดมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงไม่เกินสามปี (๒) ยี่สิบปี
สำหรับกรณีความผิดกระทงที่หนักที่สุดมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกินสามปีแต่ไม่เกินสิบปี
(๓) ห้าสิบปี สำหรับกรณีความผิดกระทงที่หนักที่สุดมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกินสิบปีขึ้นไป
เว้นแต่กรณีที่ศาลลงโทษจำคุกตลอดชีวิต
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา ๑๙๒ ห้ามมิให้พิพากษา
หรือสั่ง เกินคำ ขอ
หรือที่มิได้กล่าวในฟ้อง
ถ้าศาลเห็นว่าข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้อง
ให้ศาล ยกฟ้องคดีนั้น เว้นแต่ข้อแตกต่างนั้นมิใช่ในข้อสาระสำ คัญและทั้งจำ เลยมิได้หลงต่อสู้ ศาลจะลงโทษจำ เลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความนั้นก็ได้
ในกรณีที่ข้อแตกต่างนั้นเป็นเพียงรายละเอียด
เช่น เกี่ยวกับเวลาหรือสถานที่กระทำ ความผิดหรือต่าง
กันระหว่างการกระทำ ผิดฐานลักทรัพย์
กรรโชก รีดเอาทรัพย์ ฉ้อโกง โกงเจ้าหนี้ ยักยอก รับของโจร และ ทำ ให้เสียทรัพย์
หรือต่างกันระหว่างการกระทำ ผิดโดยเจตนากับประมาท
มิให้ถือว่าต่างกันในข้อสาระสำ คัญ
ทั้งมิให้ถือว่าข้อที่พิจารณาได้ความนั้นเป็นเรื่องเกินคำ ขอหรือเป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษ
เว้นแต่จะปรากฏแก่ศาลว่าการที่ฟ้องผิดไปเป็นเหตุให้จำ เลยหลงต่อสู้ แต่ทั้งนี้ศาลจะลงโทษจำ เลยเกินอัตราโทษที่กฎหมายกำ หนดไว้สำ หรับความผิดที่โจทก์ฟ้องไม่ได้
ถ้าศาลเห็นว่าข้อเท็จจริงบางข้อดังกล่าวในฟ้อง
และตามที่ปรากฏในทางพิจารณาไม่ใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษ
ห้ามมิให้ศาลลงโทษจำ เลยในข้อเท็จจริงนี้
ถ้าศาลเห็นว่าข้อเท็จจริงตามฟ้องนั้นโจทก์สืบสม
แต่โจทก์อ้างฐานความผิดหรือบทมาตราผิด ศาลมีอำ นาจลงโทษจำ เลยตามฐานความผิดที่ถูกต้องได้
ถ้าความผิดตามที่ฟ้องนั้นรวมการกระทำ หลายอย่าง แต่ละอย่างอาจเป็นความผิดได้อยู่ในตัวเอง
ศาลจะลงโทษจำ เลยในการกระทำ ผิดอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่พิจารณาได้ความก็ได้
0 Comments
แสดงความคิดเห็น