ประเด็น
สัญญาระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๑ เกิดขึ้นหรือยัง, โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ ๑
ให้รับผิดตามสัญญาเช่าหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๗๕๓๗/๒๕๖๑
สัญญาเช่าระหว่างโจทก์และจำเลยที่
๑ จะต้องมีการพิจารณาเลือกรูปแบบอาคารที่โจทก์เสนอและอนุมัติให้ดำเนินการก่อสร้างเสียก่อน
ซึ่งถือได้ว่าเป็นสาระสำคัญอันจะต้องตกลงกันให้เรียบร้อย แต่จำเลยที่ ๑
ยังมิได้พิจารณาเห็นชอบรูปแบบอาคารที่โจทก์เสนอตามขั้นตอนแต่ประการใด
เนื่องจากยังมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับรูปแบบอาคารที่โจทก์เสนอแก่จำเลยที่ ๑
กรณีย่อมเป็นที่สงสัยว่าโจทก์และจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นคู่สัญญายังไม่สามารถตกลงกันในสาระสำคัญกันทั้งหมดทุกข้อแล้ว
นับว่าระหว่างโจทก์และจำเลยที่ ๑ ยังมิได้มีสัญญาต่อกันตาม ป.พ.พ. มาตรา ๓๖๖
วรรคหนึ่ง โจทก์ย่อมไม่อาจอาศัยสัญญาเช่าตามคำฟ้องเป็นฐานที่ตั้งแห่งสิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่
๑ รับผิดได้ตามที่กล่าวอ้างในคำฟ้อง
ตามฎีกานี้
เมื่อประมาณ เดือนมกราคม ๒๕๕๗ จำเลยที่ ๑ มีความประสงค์จะปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณครัวริมน้ำ
โดยมีนโยบายให้บุคคลทั่วไปเช่าปรับปรุงอาคารปรับปรุงภูมิทัศน์ด้วยค่าใช้จ่ายของผู้เช่า
โดยจะได้รับการให้เช่า ๓ ปี นับแต่วันที่ดำเนินการปรับปรุงแล้วเสร็จ เมื่อครบกำหนดเวลาการเช่าอาคารจะต้องยกส่วนที่ปรับปรุงทั้งหมดให้แก่จำเลยที่
๑ ต่อมาวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๕๗ โจทก์เป็นตัวแทนของหุ้นส่วนอีก ๒ คน เข้าติดต่อกับสำนักส่วนพัฒนาธุรกิจและควบคุมต้นทุน
ซึ่งเป็นหน่วยงานในสำนักทรัพย์สินและรายได้ของจำเลยที่ ๑ แจ้งความประสงค์ขอทำสัญญาเช่าพื้นที่ดังกล่าว
โดยโจทก์มอบเอกสารสัญญาเช่าพื้นที่ ซึ่งโจทก์ลงลายมือชื่อในช่องผู้เช่าไว้ล่วงหน้าและมอบแบบก่อสร้างอาคารสิ่งปลูกสร้างให้จำเลยที่
๑ พิจารณาพร้อมนำเช็คธนาคารฯ สั่งจ่ายเงินจำนวน ๑๘๐,๐๐๐ บาท มอบให้แก่จำเลยที่ ๑
เพื่อประกันสัญญาตามสัญญาเช่าสถานที่และสำเนาเช็ค ครั้นวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๗ จำเลยที่
๒ มีหนังสือถึงโจทก์แจ้งขอยกเลิกเช็คและการทำสัญญาตามหนังสือขอยกเลิกเช็ค และการทำสัญญา
ข้อเท็จจริงปรากฏจากคำเบิกความของโจทก์ตอบคำถามค้านของทนายจำเลยทั้งสามว่า
จำเลยที่ ๑ ยังมิได้พิจารณาเห็นชอบรูปแบบอาคารที่โจทก์เสนอตามขั้นตอน แต่ประการใด
เนื่องจากยังมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับรูปแบบอาคารที่โจทก์เสนอแก่จำเลยที่ ๑
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๓๖๖
ข้อความใด ๆ แห่งสัญญาอันคู่สัญญาแม้เพียงฝ่ายเดียวได้แสดงไว้ว่าเป็นสาระสำคัญอันจะต้องตกลงกันหมดทุกข้อนั้น
หากคู่สัญญายังไม่ตกลงกันได้หมดทุกข้ออยู่ตราบใด เมื่อกรณีเป็นที่สงสัย
ท่านนับว่ายังมิได้มีสัญญาต่อกัน การที่ได้ทำความเข้าใจกันไว้เฉพาะบางสิ่งบางอย่าง
ถึงแม้ว่าจะได้จดลงไว้ก็หาเป็นการผูกพันไม่
ถ้าได้ตกลงกันว่าสัญญาอันมุ่งจะทำนั้นจะต้องทำเป็นหนังสือไซร้
เมื่อกรณีเป็นที่สงสัย ท่านนับว่ายังมิได้มีสัญญาต่อกันจนกว่าจะได้ทำขึ้นเป็นหนังสือ
0 Comments
แสดงความคิดเห็น