คำพิพากษาศาลฎีกาที่
๗๕๔๗/๒๕๖๑(ประชุมใหญ่)
สัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์
และจำเลยกำหนดให้จำเลยเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองเด็กหญิง ศ. บุตรผู้เยาว์แต่เพียงผู้เดียว แต่ตาม ป.พ.พ.
มาตรา ๑๕๖๗ บัญญัติว่า ผู้ใช้อำนาจปกครองมีสิทธิ
(๑) กำหนดที่อยู่ของบุตร (๒) ทำโทษบุตรตามสมควรเพื่อว่ากล่าวสั่งสอน (๓) ให้บุตรทำการงานตามสมควรแก่ความสามารถและฐานานุรูป (๔) เรียกบุตรคืนจากบุคคลอื่นซึ่งกักบุตรโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
ประกอบกับในกรณี การขอเปลี่ยนชื่อสกุลของผู้เยาว์นั้น หากบิดาไปคัดค้านขณะยื่นคำร้อง หรือในกรณีที่เจ้าหน้าที่มีคำสั่งเรียกบิดามาเพื่อสอบถามแล้วได้ความว่าบิดาคัดค้าน
ทางเจ้าหน้าที่ก็จะไม่ดำเนินการเปลี่ยนชื่อสกุลผู้เยาว์ให้
ดังนี้ จึงไม่เป็นกรณีที่จำเลยซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองจะกระทำได้โดยลำพังคนเดียว เพราะไม่ใช่กรณีที่บัญญัติไว้ใน ป.พ.พ. มาตรา ๑๕๖๗
ทั้งไม่ปรากฏในสัญญาประนีประนอมยอมความว่า ให้จำเลยมีอำนาจเปลี่ยนชื่อสกุลของบุตรผู้เยาว์ของโจทก์มาใช้ชื่อสกุลของจำเลยโดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ และก่อนที่โจทก์และจำเลยจะหย่าขาดจากกัน บุตรผู้เยาว์ก็ใช้ชื่อสกุลของโจทก์อยู่แล้ว
การที่จำเลยมาเปลี่ยนชื่อสกุลของบุตรผู้เยาว์มาใช้ชื่อสกุลของจำเลย จึงเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ จำเลยจึงไม่มีสิทธิเปลี่ยนชื่อสกุลของบุตรผู้เยาว์มาใช้ชื่อสกุลของจำเลยโดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ เมื่อคำนึงถึงว่าโจทก์ จำเลยซึ่งเป็นบิดามารดาจำต้องอุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาตามสมควรแก่บุตรในระหว่างที่เป็นผู้เยาว์
ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๕๖๔ วรรคหนึ่ง เพื่อความผาสุกและความสัมพันธ์อันดีของบิดาและบุตร
ที่ศาลล่างทั้งสอง ให้ใส่ชื่อสกุล ธ.ของโจทก์เป็นชื่อรองของเด็กหญิง ศ.จึงชอบแล้ว
คดีมีประเด็นโต้เถียงกันว่า ที่จำเลยเปลี่ยนชื่อสกุลของโจทก์มาเป็นชื่อสกุลของจำเลย โดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ชอบหรือไม่
ซึ่งศาลได้วินิจฉัยแล้วว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำที่ไม่ชอบ และโดยที่โจทก์ประสงค์ให้เพิ่มชื่อสกุลของโจทก์เป็นชื่อรองของบุตรผู้เยาว์
กรณีนี้มิใช่เรื่องที่บุตรผู้เยาว์ของโจทก์และจำเลยที่มีชื่อตัวหรือชื่อรองอยู่แล้ว ประสงค์จะเปลี่ยนชื่อตัวหรือชื่อรอง
ซึ่งต้องยื่นคำขอต่อนายทะเบียนท้องที่เสียก่อน ตาม
พ.ร.บ.ชื่อบุคคล พ.ศ.๒๕๐๕ มาตรา ๖ วรรคสอง และมาตรา ๑๖ ศาลจึงมีอำนาจเพิ่มชื่อสกุลของโจทก์เป็นชื่อรองให้แก่บุตรผู้เยาว์ได้ ที่ศาลล่างทั้งสองให้เพิ่มชื่อสกุลของโจทก์เป็นชื่อรองแทนที่จะให้บุตรผู้เยาว์ใช้ชื่อสกุลของโจทก์ดังเดิม
นับว่าเป็นคุณแก่จำเลยมากแล้วและยังอยู่ในประเด็นที่โต้เถียงกันว่าบุตรผู้เยาว์จะใช้ชื่อสกุลของผู้ใด
กรณีจึงไม่ใช่เรื่องนอกฟ้องนอกประเด็น และเกินคำขอ
พ.ร.บ.
ชื่อบุคคล พ.ศ. ๒๕๐๕
มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตินี้
“ชื่อรอง” หมายความว่า ชื่อประกอบถัดจากชื่อตัว
“ชื่อสกุล” หมายความว่า ชื่อประจำวงศ์สกุล
มาตรา ๕
ผู้มีสัญชาติไทยต้องมีชื่อตัวและชื่อสกุล และจะมีชื่อรองก็ได้
มาตรา ๖
ชื่อตัวต้องไม่พ้องหรือมุ่งหมายให้คล้ายกับพระปรมาภิไธย พระนามของพระราชินี หรือราชทินนาม
และต้องไม่มีคำหรือความหมายหยาบคาย
ชื่อรองต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามวรรคหนึ่ง
และต้องไม่พ้องกับชื่อสกุลของบุคคลอื่น
เว้นแต่เป็นกรณีที่คู่สมรสใช้ชื่อสกุลของอีกฝ่ายหนึ่งหรือกรณีบุตรใช้ชื่อสกุลเดิมของมารดาหรือบิดาเป็นชื่อรองของตน
คู่สมรสอาจใช้ชื่อสกุลของอีกฝ่ายหนึ่งเป็นชื่อรองได้เมื่อได้รับความยินยอมของฝ่ายนั้นแล้ว
มาตรา ๑๖
ผู้มีชื่อตัวหรือชื่อรองอยู่แล้วประสงค์จะเปลี่ยนชื่อตัวหรือชื่อรอง
ให้ยื่นคําขอต่อนายทะเบียนท้องที่ในท้องที่ที่ตนมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร
เมื่อนาย
ทะเบียนท้องที่เห็นว่าชื่อตัวหรือชื่อรองที่ขอเปลี่ยนใหม่นั้นไม่ขัดต่อพระราชบัญญัตินี้
ก็ให้อนุญาตและออกหนังสือสำคัญแสดงการเปลี่ยนชื่อให้
0 Comments
แสดงความคิดเห็น