คำพิพากษาศาลฎีกาที่
๗๕๖๐/๒๕๖๑ เล่มที่ ๙ หน้า ๑๖๘
คำขอเอาประกันอุบัติเหตุ มีคำถามว่า
ท่านมีหรือได้ขอเอาประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลหรือประกันชีวิตไว้กับบริษัทอื่นหรือไม่
และมีช่องให้ขีด ไม่มีหรือมีหรือได้ขอ โปรดแจ้งบริษัทแล้วมีช่องว่างให้กรอก
หากโจทก์มีความสุจริตใจ เมื่อเขียนชื่อบริษัท ส. ไปแล้วก็ยังสามารถเพิ่มเติมบริษัทอื่นอีกได้
ทั้งที่ได้ทำสัญญาประกันภัยไว้ก่อนถึง ๑๐ บริษัทจำนวนเงินที่เอาประกันขณะนั้น
เป็นเงินประมาณ ๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
แต่ที่โจทก์กลับแจ้งเพียงบริษัทเดียว วงเงินประกันภัย ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท จึงเป็นเรื่องที่แตกต่างกันมาก หากจะระบุความจริงให้ครบถ้วนก็ย่อมทำได้เพียงระบุวงเงินที่ได้ทำสัญญาไปแล้ว
จึงมิใช่เป็นเหตุที่ไม่อาจระบุความได้
ป.พ.พ. มาตรา ๘๖๕ ต้องการให้ผู้เอาประกันภัยแถลงและเปิดเผยข้อความจริง
ถ้าไม่เปิดเผยข้อความจริงหรือแถลงข้อความอันเท็จไซร้
ซึ่งอาจจะจูงใจผู้รับประกันภัยให้เรียกเบี้ยประกันสูงขึ้นอีก หรือให้บอกปัด
ไม่ยอมทำสัญญาแล้ว สัญญาประกันภัยนั้นย่อมเป็นโมฆียะ เมื่อโจทก์ทราบว่า
ตนเองนั้นได้ทำสัญญาประกันภัยไว้กับบริษัทต่าง ๆ ถึง ๑๐ บริษัท และ
มีวงเงินที่เอาประกันภัยรวมสูงถึง ๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท แล้ว แต่กลับแจ้งให้จำเลยทราบเพียงบริษัทเดียวในวงเงินเพียง ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท
ซึ่งหากโจทก์ได้เปิดเผยข้อความจริงของโจทก์ทั้งหมดก็อาจจะทำให้จำเลยบอกปัดไม่ยอมทำสัญญาได้
การไม่เปิดเผยความจริงของโจทก์ทั้งหมด จึงเป็นเรื่องที่เป็นสาระสำคัญในการพิจารณาในการรับทำสัญญาประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลทั้ง
๒ ฉบับ ที่โจทก์ทำไว้กับจำเลย สัญญาประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลทั้ง ๒
ฉบับดังกล่าว จึงตกเป็นโมฆียะตาม ป.พ.พ. มาตรา ๘๖๕ เมื่อจำเลยได้ใช้สิทธิบอกล้างภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด
สัญญาประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลทั้ง ๒ ฉบับดังกล่าวย่อมตกเป็นโมฆะ โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากจำเลย
เพิ่มเติม
ฎีกาที่
๓๒๔๖-๓๒๕๐/๒๕๕๙ สัญญาประกันภัยเป็นสัญญาที่ต้องการความสุจริตหรือความไว้วางใจระหว่างคู่สัญญาเป็นสำคัญ
ฉะนั้นจึงเป็นหน้าที่ของผู้เอาประกันภัยที่จะต้องเปิดเผยข้อความจริงให้ผู้รับประกันภัยรับรู้
ขณะที่ ส. ขอทำสัญญาประกันภัยกับจำเลยทั้งห้า ส.
ได้เอาประกันภัยกับผู้รับประกันภัยรายอื่นอีกนับสิบรายเป็นจำนวนหลายสิบกรมธรรม์
รวมเป็น จำนวนเงินเอาประกันภัยกว่า ๔๗ ล้านบาท ย่อมถือได้ว่า ส.
เป็นบุคคลที่มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากการขอเอาประกันภัยไว้เป็นจำนวนเงินที่สูง
โดยไม่ปรากฏหลักฐานว่าเหมาะสมกับฐานะหรืออาชีพของ ส. หรือไม่อย่างไร
และอาจมีมูลเหตุไปในทางไม่สุจริต
การเอาประกันภัยกับผู้รับประกันภัยรายอื่นจึงถือเป็นสาระสำคัญที่ ส.
ต้องเปิดเผยข้อความจริงดังกล่าวให้จำเลยทั้งห้าทราบ เพราะอาจจูงใจให้จำเลยทั้งห้าเรียกเบี้ยประกันภัยสูงขึ้นหรือบอกปัดไม่รับประกันภัยอย่างใดอย่างหนึ่ง
ดังนี้การที่จำเลยทั้งห้ายอมตกลงเข้าทำประกันภัยตามฟ้องกับ ส.
จึงเกิดจากความไม่สุจริตของ ส. ที่ไม่เปิดเผยข้อความจริงอันเป็นสาระสำคัญ สัญญาประกันภัยตามฟ้องย่อมตกเป็นโมฆียะ
ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๘๖๕ วรรคหนึ่ง เมื่อจำเลยทั้งห้าบอกล้างโดยชอบแล้ว
สัญญาประกันภัยจึงตกเป็นโมฆะ
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๘๖๕ ถ้าในเวลาทำสัญญาประกันภัย
ผู้เอาประกันภัยก็ดี หรือในกรณีประกันชีวิต
บุคคลอันการใช้เงินย่อมอาศัยความทรงชีพหรือมรณะของเขานั้นก็ดี
รู้อยู่แล้วละเว้นเสียไม่เปิดเผยข้อความจริงซึ่ง
อาจจะได้จูงใจผู้รับประกันภัยให้เรียกเบี้ยประกันภัยสูงขึ้นอีกหรือให้บอกปัดไม่ยอมทำสัญญา
หรือว่ารู้อยู่แล้วแถลงข้อความนั้นเป็นความเท็จไซร้ ท่านว่าสัญญานั้นเป็นโมฆียะ
ถ้ามิได้ใช้สิทธิบอกล้างภายในกำหนดเดือนหนึ่งนับแต่วันที่ผู้รับประกันภัยทราบมูลอันจะบอกล้างได้ก็ดี
หรือมิได้ใช้สิทธินั้นภายในกำหนดห้าปีนับแต่วันทำสัญญาก็ดี
ท่านว่าสิทธินั้นเป็นอันระงับสิ้นไป
0 Comments
แสดงความคิดเห็น