คำพิพากษาศาลฎีกาที่
๘๕๖๙/๒๕๖๑ เล่มที่ ๑๐ หน้า ๑๕๗
จำเลยที่ ๒ และที่ ๓
ต่างก็เบิกความตอบโจทก์ถามค้านรับว่า ลงลายมือชื่อในบันทึกการตรวจค้นจับกุม
โดยเจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุม มิได้บังคับขู่เข็ญหรือทำร้าย ย่อมแสดงให้เห็นว่าข้อความในบันทึกการตรวจค้นจับกุมเป็นความจริง
พฤติการณ์ของจำเลยทั้งสามที่พักอาศัยอยู่ด้วยกันในบ้านในห้องพักซึ่งติดกับห้องที่พบเมทแอมเฟตามีนของกลาง
แม้ประตูห้องจะล็อกกุญแจไว้ แต่ก็พบลูกกุญแจในบ้านที่เกิดเหตุนั้นและสามารถไขกุญแจที่ล็อกไว้ได้
ประกอบกับที่จำเลยทั้งสามให้การไว้ในบันทึกการตรวจค้นจับกุม
รับว่าเป็นผู้ดูแลและเฝ้าของกลางเมทแอมเฟตามีน โดยได้รับค่าจ้างวันละ ๒๐๐ บาท
และยาเสพติดอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๘๔ วรรคสี่ ประกอบ
พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๓ ถ้อยคำนี้ถือว่าเป็นถ้อยคำอื่นที่รับฟังเป็นพยานหลักฐานในการพิสูจน์ความผิดของจำเลยทั้งสามได้
เมื่อได้มีการแจ้งสิทธิตามวรรคหนึ่ง และตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๘๓ วรรคสอง ประกอบ
พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.๒๕๕๐ มาตรา ๓ ซึ่งปรากฏในบันทึกการตรวจค้นจับกุมว่าได้มีการแจ้งสิทธิดังกล่าวแก่จำเลยทั้งสามแล้ว
ดังนี้ ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ตามพยานหลักฐานของโจทก์ว่า จำเลยที่ ๒ และที่ ๓
ร่วมกับจำเลยที่ ๑ ครอบครองเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้เพื่อจำหน่าย
กรณีมิใช่การรับฟังพยานหลักฐานที่เกิดขึ้นโดยชอบแต่ได้มาเนื่องจากการกระทำโดยมิชอบหรือเป็นพยานหลักฐานที่ได้มาโดยอาศัยข้อมูลที่เกิดขึ้นหรือมาโดยอาศัยข้อมูลที่เกิดขึ้นหรือได้มาโดยมิชอบ
และห้ามมิให้รับฟังเป็นพยานหลักฐานตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๒๒๖/๑
เพิ่มเติม
ฎีกาที่ ๖๗๖๖/๒๕๖๑ แม้ ป.วิ.อ.
มาตรา ๘๔ วรรคท้าย ประกอบ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๓ จะห้ามมิให้รับฟังคำรับสารภาพชั้นจับกุมเป็นพยานหลักฐาน
แต่ กฎหมายห้ามมิให้รับฟังถ้อยคำรับสารภาพของผู้ถูกจับเป็นพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความผิดของผู้ถูกจับเท่านั้น
แต่มิได้ห้ามรับฟังเป็นพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความผิดของผู้ร่วมกระทำความผิดอื่น
จึงรับฟังบันทึกการจับกุม บันทึกถ้อยคำ และภาพถ่ายการชี้ตัว ประกอบคำเบิกความของพยานโจทก์ผู้จับกุมเพื่อพิสูจน์ความผิดของจำเลยได้
ฎีกาที่ ๓๒๑๔/๒๕๖๐ การที่จำเลยทั้งสี่ให้การต่อผู้ดำเนินกรรมวิธีซักถามในฐานะผู้ถูกดำเนินกรรมวิธีหรือผู้ต้องสงสัย
และต่อพนักงานสอบสวนในฐานะพยาน มิใช่คำให้การของผู้ถูกจับที่ให้ไว้ต่อเจ้าพนักงานผู้จับเพราะขณะนั้นจำเลยทั้งสี่ยังไม่ได้ถูกจับกุม
กรณีไม่อยู่ในบังคับตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๘๔ วรรคสี่ คำรับสารภาพและถ้อยคำอื่นของจำเลยทั้งสี่จึงไม่
ต้องห้ามรับฟังตามบทบัญญัติมาตราดังกล่าว ทั้งการสอบปากคำจำเลยทั้งสี่โดยผู้ดำเนินกรรมวิธีและพนักงานสอบสวนก็เป็นการปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่โดยชอบ
เพราะขณะนั้นยังไม่มีเหตุเพียงพอที่จะดำเนินการขอออกหมายจับจำเลยทั้งสี่ได้
เนื่องจากไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นคนร้าย การสอบปากคำจำเลยทั้งสี่จึงเป็นเพียงการสอบถามเบื้องต้นในชั้นสืบสวนเท่านั้น
ผู้ดำเนินกรรมวิธีและพนักงานสอบสวนไม่จำต้องแจ้งสิทธิใด ๆ ให้จำเลยทั้งสี่ทราบก่อน
บันทึกผลการดำเนินตามกรรมวิธีและบันทึกคำให้การของพยานรวม
ทั้งรถจักรยานยนต์และถังดับเพลิงของกลางจึงเป็นพยานหลักฐานที่เกิดขึ้นและได้มาโดยชอบ
ไม่ต้องห้ามรับฟังตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๒๒๖ และมาตรา ๒๒๖/๑
ฎีกาที่ ๑๓๑๙๙/๒๕๕๗ ป.วิ.อ. มาตรา
๘๔ วรรคสี่ บัญญัติเพื่อมุ่งประสงค์ที่จะห้ามมิให้นำคำรับสารภาพในชั้นจับกุมของจำเลยที่
๑ มารับฟังประกอบการพิจารณาลงโทษจำเลยที่ ๑ เท่านั้น คำให้การในชั้นจับกุมของจำเลยที่
๑ ในส่วนที่พาดพิงถึงจำเลยที่ ๒ ว่าร่วมกระทำความผิด แม้เป็นพยานบอกเล่า และเป็นคำซัดทอดเมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยที่
๑ ได้รับประโยชน์จากการซัดทอดถึงจำเลยที่ ๒ ก็รับฟังประกอบพยานหลักฐานอื่นที่โจทก์ส่งอ้างเป็นพยานตาม
ป.วิ.อ. มาตรา ๒๒๖ โดยชอบ
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา ๘๓ ในการจับนั้น
เจ้าพนักงานหรือราษฎรซึ่งทำการจับต้องแจ้งแก่ผู้ที่จะถูกจับนั้นว่าเขาต้องถูกจับ
แล้วสั่งให้ผู้ถูกจับไปยังที่ทำการของพนักงานสอบสวนแห่งท้องที่ที่ถูกจับพร้อมด้วยผู้จับ
เว้นแต่สามารถนำไปที่ทำการของพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบได้ในขณะนั้น ให้นำไปที่ทำการของพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบดังกล่าว
แต่ถ้าจำเป็นก็ให้จับตัวไป
ในกรณีที่เจ้าพนักงานเป็นผู้จับ
ต้องแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกจับทราบ หากมีหมายจับให้แสดงต่อผู้ถูกจับ
พร้อมทั้งแจ้งด้วยว่า ผู้ถูกจับมีสิทธิที่จะไม่ให้การหรือให้การก็ได้และถ้อยคำของผู้ถูกจับนั้นอาจใช้
เป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาคดีได้และผู้ถูกจับมีสิทธิที่จะพบและปรึกษาทนายความ
หรือผู้ซึ่งจะเป็นทนายความ
ถ้าผู้ถูกจับประสงค์จะแจ้งให้ญาติหรือผู้ซึ่งตนไว้วางใจทราบถึงการจับกุมที่สามารถดำเนินการได้โดย
สะดวกและไม่เป็นการขัดขวางการจับหรือการควบคุมผู้ถูกจับหรือทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยแก่บุคคลหนึ่งบุคคลใด
ก็ให้เจ้าพนักงานอนุญาตให้ผู้ถูกจับดำเนินการได้ตามสมควรแก่กรณี
ในการนี้ให้เจ้าพนักงานผู้จับนั้น บันทึกการจับดังกล่าวไว้ด้วย
ถ้าบุคคลซึ่งจะถูกจับขัดขวางหรือจะขัดขวางการจับ
หรือหลบหนีหรือพยายามจะหลบหนี ผู้ทำการจับมีอำนาจใช้วิธีหรือการป้องกันทั้งหลายเท่าที่เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งเรื่องในการจับนั้น
มาตรา ๘๔ เจ้าพนักงานหรือราษฎรผู้ทำการจับต้องเอาตัวผู้ถูกจับไปยังที่ทำการของพนักงานสอบสวนตามมาตรา
๘๓ โดยทันที และเมื่อถึงที่นั้นแล้ว ให้ส่งตัวผู้ถูกจับแก่พนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจของที่ทำการของพนักงานสอบสวนดังกล่าว
เพื่อดำเนินการดังต่อไปนี้
(๑)
ในกรณีที่เจ้าพนักงานเป็นผู้จับให้เจ้าพนักงานผู้จับนั้นแจ้งข้อกล่าวหา และรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุแห่งการจับให้ผู้ถูกจับทราบ
ถ้ามีหมายจับให้แจ้งให้ผู้ถูกจับทราบและอ่านให้ฟังและมอบสำเนาบันทึกการจับแก่ผู้ถูกจับนั้น
(๒)
ในกรณีที่ราษฎรเป็นผู้จับ ให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจซึ่งรับมอบตัวบันทึกชื่อ
อาชีพ ที่อยู่ของผู้จับ อีกทั้งข้อความและพฤติการณ์แห่งการจับนั้นไว้
และให้ผู้จับลงลายมือชื่อกำกับไว้เป็นสำคัญ เพื่อดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาและรายละเอียดแห่งการจับให้ผู้ถูกจับทราบและแจ้งให้ผู้ถูกจับทราบด้วยว่าผู้ถูกจับมีสิทธิที่จะไม่ให้การหรือให้การก็ได้
และถ้อยคำของผู้ถูกจับอาจใช้เป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาคดีได้
เมื่อได้ดำเนินการตามวรรคหนึ่งแล้วให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ
ซึ่งมีผู้นำผู้ถูกจับมาส่งแจ้งให้ผู้ถูกจับทราบถึงสิทธิตามที่กำหนดไว้ในมาตรา ๗/๑
รวมทั้งจัดให้ผู้ถูกจับสามารถติดต่อกับญาติหรือ
ผู้ซึ่งผู้ถูกจับไว้วางใจเพื่อแจ้งให้ทราบถึงการจับกุมและสถานที่ที่ถูกควบคุมได้ในโอกาสแรกเมื่อผู้ถูกจับมาถึงที่ทำการของพนักงานสอบสวนตามวรรคหนึ่ง
หรือถ้ากรณีผู้ถูกจับร้องขอให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจเป็นผู้แจ้ง
ก็ให้จัดการตามคำร้องขอนั้นโดยเร็ว และให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจบันทึกไว้ในการนี้มิให้เรียกค่าใช้จ่ายใด
ๆ จากผู้ถูกจับ
ในกรณีที่จำเป็น
เจ้าพนักงานหรือราษฎรซึ่งทำการจับจะจัดการพยาบาลผู้ถูกจับเสียก่อนนำตัวไปส่งตามมาตรานี้ก็ได้
ถ้อยคำใด ๆ
ที่ผู้ถูกจับให้ไว้ต่อเจ้าพนักงานผู้จับ หรือพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจในชั้นจับกุมหรือรับมอบตัวผู้ถูกจับ
ถ้าถ้อยคำนั้นเป็นคำรับสารภาพของผู้ถูกจับว่าตนได้กระทำความผิดห้ามมิให้รับ
ฟังเป็นพยานหลักฐาน แต่ถ้าเป็นถ้อยคำอื่น
จะรับฟังเป็นพยานหลักฐานในการพิสูจน์ความผิดของผู้ถูกจับได้ต่อเมื่อได้มีการแจ้งสิทธิตามวรรคหนึ่ง
หรือตามมาตรา ๘๓ วรรคสอง แก่ผู้ถูกจับแล้วแต่กรณี
0 Comments
แสดงความคิดเห็น