คำพิพากษาฎีกาที่
๑๕๙๗/๒๕๖๒
จำเลยทำปืนลั่นขึ้นขณะที่กอดปล้ำกันกับผู้ตายโดยไม่มีเจตนาฆ่าผู้ตาย
เป็นการกระทำโดยปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นจำเลยจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์และจำเลยอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่
เป็นการกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
อันเป็นเรื่องข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง
แต่ข้อแตกต่างนั้นมิใช่ข้อสาระสำคัญ และทั้งจำเลยมิได้หลงต่อสู้ ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยในข้อหาตามข้อเท็จจริงที่ได้ความได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา ๑๙๒ วรรคสอง
การกระทำซึ่งจะเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๘
ต้องเป็นการกระทำโดยเจตนา จำเลยเอาอาวุธปืนออกมายิงขู่ผู้ตายในนัดแรก และเมื่อกอดปล้ำกัน
กระสุนปืนลั่นถูกผู้ตาย ๒ นัด โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายไม่ใช่เป็นการกระทำโดยเจตนาจึงไม่ใช่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๖๘
เพิ่มเติม
ฎีกาที่ ๑๔๐๒/๒๕๕๓ จำเลยสมัครใจลงไปทะเลาะวิวาทกับผู้ตาย ดังนั้น แม้จำเลยจะถูกผู้ตายใช้ไม้ตีที่ศีรษะก่อนและจะตีซ้ำอีกจำเลยจึงใช้มีดแทงผู้ตายถึงแก่ความตายจำเลยก็ไม่อาจอ้างว่า เป็นการกระทำเพื่อป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตาม ป.อ. มาตรา ๖๘ ได้
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๖๘ ผู้ใดต้องกระทำ การใดเพื่อป้องกันสิทธิของตนหรือของผู้อื่นให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย
และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ถ้าได้กระทำ พอสมควรแก่เหตุ
การกระทำ นั้นเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
ผู้นั้นไม่มีความผิด
มาตรา ๒๙๑ ผู้ใดกระทำ โดยประมาท และการกระทำ นั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำ คุกไม่เกินสิบปี
และปรับไม่เกินสองแสนบาท
0 Comments
แสดงความคิดเห็น