คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๘๖๕๐/๒๕๖๑ เล่มที่ ๑๐ หน้า ๑๗๔
                    จำเลยขับรถไล่ตามรถของผู้เสียหายที่ ๑ ในระยะกระชั้นชิดแล้วใช้อาวุธปืน ซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงสามารถทำอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ยิงใส่รถของผู้เสียหายที่ ๑ ซึ่งอยู่ด้านหน้า ๓ นัด ในขณะที่ผู้เสียหายทั้งสองนั่งอยู่ในห้องโดยสาร จำเลยย่อมเล็งเห็นหรือคาดหมายได้ว่ากระสุนปืนอาจถูกบุคคลที่นั่งอยู่ในรถของผู้เสียหายที่ ๑ ถึงแก่ความตายได้ ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายทั้งสอง เมื่อจำเลยลงมือกระทำความผิดไปโดยตลอดแล้ว แต่การกระทำไม่บรรลุผล เนื่องจากกระสุนปืนที่ยิงไม่ถูกผู้เสียหายทั้งสอง การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น

               ตามฎีกานี้ กระสุนปืนถูกบริเวณกระบะท้ายรถ ๒ รอย ซึ่งจากตำแหน่งของรอยกระสุนปืนทั้งสองรอยอยู่ในระนาบเดียวกับกับห้องโดยสาร ลักษณะของการยิงเป็นการมุ่งยิงไปที่บริเวณห้องโดยสาร

เพิ่มเติม
               ฎีกาที่ ๕๕๐๕/๒๕๕๙ การที่จำเลยใช้อาวุธปืนซึ่งมีสภาพร้ายแรงยิงเข้าไปที่ขอบหน้าต่างด้านบนของห้องของบ้านเกิดเหตุ โดยที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าเมื่อกระสุนปืนกระทบขอบหน้าต่างแล้วจะหักเหไปในทิศทางใด จำเลยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่ากระสุนปืนอาจแฉลบไปถูกผู้ที่อยู่ภายในห้องถึงแก่ชีวิตได้ จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น

ประมวลกฎหมายอาญา
               มาตรา ๕๙ บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาก็ต่อเมื่อได้กระทำโดยเจตนา เว้นแต่จะได้กระทำโดยประมาท ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติให้ต้องรับผิดเมื่อได้กระทำโดยประมาท หรือเว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยแจ้งชัดให้ต้องรับผิดแม้ได้กระทำโดยไม่มีเจตนา
               กระทำโดยเจตนา ได้แก่กระทำโดยรู้สำนึกในการที่กระทำและในขณะเดียวกันผู้กระทำประสงค์ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้น ถ้าผู้กระทำมิได้รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของความผิด จะถือว่าผู้กระทำประสงค์ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้นมิได้
               กระทำโดยประมาท ได้แก่กระทำความผิดมิใช้โดยเจตนา แต่กระทำโดยปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่
               การกระทำ ให้หมายความรวมถึงการให้เกิดผลอันหนึ่งอันใดขึ้นโดยงดเว้นการที่จักต้องกระทำเพื่อป้องกันผลนั้นด้วย