คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๒๖๒/๒๕๖๒
ป.วิ.อ. มาตรา
๔๔/๑ เป็นบทบัญญัติที่มีเจตนารมณ์ที่จะช่วยผู้ที่ได้รับความเสียหายในทางแพ่งให้ได้รับความสะดวกรวดเร็วในการได้รับชดใช้ค่าสินไหมทดแทนและไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีแพ่งเป็นอีกคดีหนึ่ง
ทั้งคดีแพ่งและคดีอาญาจะได้เสร็จสิ้นไปในคราวเดียวกัน โดยให้ผู้ที่รับความเสียหายยื่นคำร้องเข้ามาในคดีอาญา
การที่ผู้ตายถูกจำเลยใช้อาวุธปืนยิงจนถึงแก่ความตาย เป็นความเสียหายเพราะเหตุที่ผู้ตายได้รับอันตรายแก่ชีวิต
อันเนื่องมาจากการกระทำความผิดของจำเลยดังกล่าว
ผู้ร้องซึ่งเป็นภริยาของผู้ตายจึงถือเป็นผู้เสียหายมีสิทธิจะยื่นคำร้องต่อศาลที่พิจารณาคดีอาญาตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวได้
แม้จะได้ความว่าผู้ตายมีส่วนก่อให้เกิดความเสียหายด้วย โดยสมัครใจวิวาทต่อสู้กับจำเลย
ก็เป็นข้อเท็จจริงที่จะนำมาใช้ประกอบดุลพินิจในการกำหนดค่าสินไหมทดแทนเท่านั้น
ไม่ทำให้สิทธิของผู้ร้องที่จะขอให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนหมดไป เมื่อผู้ตายถูกจำเลยยิงถึงแก่ความตาย
จึงเป็นการกระทำละเมิดเป็นเหตุให้ผู้ร้องและบุตรของผู้ตายต้องขาดไร้อุปการะ
ผู้ร้องเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายและเป็นทายาทของผู้ตาย
จึงมีสิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทนเป็นค่าปลงศพและค่าขาดไร้อุปการะจากจำเลยได้
ฎีกาที่
๙๑๗๔/๒๕๖๐ แม้ผู้ตายไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัยที่ ส.
บิดาของผู้ตายจะร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ในคดีอาญาแต่ถือได้ว่า ส. เป็นผู้เสียหายทางแพ่งมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้บังคับจำเลยที่
๑ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ ส. ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๔๔/๑ ได้
ซึ่งคำพิพากษาคดีส่วนแพ่งต้องเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายอันว่าด้วยความรับผิดของบุคคลในทางแพ่ง
โดยไม่ต้องคำนึงว่าจำเลยต้องคำพิพากษาว่าได้กระทำความผิดหรือไม่
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๔๗ วรรคหนึ่ง
เพิ่มเติม
ฎีกาที่
๑๙๓๕/๒๕๖๑ โจทก์ร่วมสมัครใจวิวาทกับจำเลย
โจทก์ร่วมจึงมิใช่ผู้เสียหายในคดีอาญาโดยนิตินัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา ๒(๔) จึงไม่อาจขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ในคดีส่วนอาญาได้ แต่สำหรับคดีส่วนแพ่งที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา ๔๔/๑
บัญญัติให้ผู้เสียหายมีสิทธิที่จะเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนเพราะเหตุได้รับอันตรายแก่ชีวิต
ร่างกายหรือจิตใจได้นั้น
หมายถึงผู้ที่มีสิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทนโดยพิจารณาจากสิทธิในทางแพ่งมิใช่นำเอาความหมายของคำว่าผู้เสียหายในคดีอาญามาใช้บังคับ
แม้โจทก์ร่วมจะไม่อาจขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ในคดีนี้
แต่ก็มีสิทธิเป็นผู้ร้องขอเรียกค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยได้
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา ๔๔/๑ ในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์
ถ้าผู้เสียหายมีสิทธิที่จะเรียกเอาค่าสินไหมทดแทน เพราะเหตุได้รับอันตรายแก่ชีวิต
ร่างกาย จิตใจ หรือได้รับความเสื่อมเสียต่อเสรีภาพในร่างกายชื่อเสียงหรือ
ได้รับความเสียหายในทางทรัพย์สินอันเนื่องมาจากการกระทำความผิดของจำเลย
ผู้เสียหายจะยื่นคำร้องต่อศาลที่พิจารณาคดีอาญาขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ตนก็ได้
การยื่นคำร้องตามวรรคหนึ่ง
ผู้เสียหายต้องยื่นคำร้องก่อนเริ่มสืบพยาน ในกรณีที่ไม่มีการสืบพยานให้ยื่นคำร้องก่อนศาลวินิจฉัยชี้ขาดคดี
และให้ถือว่าคำร้องดังกล่าวเป็นคำฟ้องตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งและผู้เสียหายอยู่ในฐานะโจทก์ในคดีส่วนแห่งนั้น
ทั้งนี้คำร้องดังกล่าวต้องแสดงรายละเอียดตามสมควรเกี่ยวกับความเสียหายและจำนวนค่าสินไหมทดแทนที่เรียกร้อง
หากศาลเห็นว่าคำร้องนั้นยังขาดสาระสำคัญบางเรื่อง ศาลอาจมีคำสั่งให้ผู้ร้องแก้ไขคำร้องให้ชัดเจนก็ได้
คำร้องตามวรรคหนึ่งจะมีคำขอประการอื่นที่มิใช่คำขอบังคับให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนอันเนื่องมาจากการกระทำความผิดของจำเลยในคดีอาญามิได้
และต้องไม่ขัดหรือแย้งกับคำฟ้องในคดีอาญาที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์
และในกรณีที่พนักงานอัยการได้ดำเนินการตามความในมาตรา ๔๓ แล้ว ผู้เสียหายจะยื่นคำร้องตามวรรคหนึ่งเพื่อเรียกทรัพย์สินหรือราคาทรัพย์สินอีกไม่ได้
0 Comments
แสดงความคิดเห็น