คำพิพากษาฎีกาที่ ๕๕๐๘/๒๕๖๒ 

               เมื่อการจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองที่ดินพิพาทเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับจำนองชอบที่จะฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมไถ่ถอนจำนองได้การจำนองที่ดินพิพาทพร้อมสิ่งปลูกสร้างยังคงครอบติดอยู่ตามสัญญาจำนองไม่ระงับสิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๗๔๔ และเมื่อมีการแบ่งแยกที่ดินพิพาทต้องถือว่าที่ดินที่แบ่งแยกพร้อมสิ่งปลูกสร้างยังคงมีการจำนองครอบติดอยู่ด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๗๑๗ วรรคหนึ่ง แม้ไม่มีการจดแจ้งไว้ในสารบัญจดทะเบียนโฉนดที่ดินที่แบ่งแยกว่าที่ดินมีการจำนองครอบติดอยู่ แม้จำเลยที่ ๒ เสียค่าตอบแทนและได้มาโดยสุจริตโดยไม่ทราบว่าที่ดินที่แบ่งแยกมีการจำนองครอบติดอยู่ จำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นผู้รับซื้อฝากย่อมได้กรรมสิทธิ์ที่ดินที่แบ่งแยกแต่หาทำให้สิทธิจำนองซึ่งเป็นทรัพยสิทธิที่ติดไปกับตัวทรัพย์จำนองเสื่อมเสียไปไม่ ตามหลักผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน
               โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองที่จำเลย ที่ ๑ ดำเนินการโดยไม่ชอบ สัญญาจำนองมิได้ระงับไป ฟ้องโจทก์เพียงขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนให้คงปรากฏภาระจำนองเป็นหลักประกันแก่หนี้กู้ยืมของโจทก์และจำเลยที่ ๑ เช่นเดิม คดีโจทก์มิใช่คดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้

               ตามฎีกานี้ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สำหรับกรณีเมื่อหนี้ที่ประกันระงับสิ้นไปตามมาตรา ๗๔๔ (๑) นั้น ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ ๑ ใช้เงินให้แก่โจทก์ตามจำนวนเงินที่จดทะเบียนจำนองพร้อมดอกเบี้ย หรือจำเลยที่ ๑ นำเงินจำนวนดังกล่าวไปวางทรัพย์ ณ สำนักงานวางทรัพย์ และโจทก์ซึ่งเป็นผู้รับจำนองสลักหลังต้นฉบับสัญญาจำนองฉบับผู้รับจำนองให้ไถ่ถอนจำนองได้ ถือไม่ได้ว่าการที่เจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองที่ดินพิพาทโฉนดเลขที่ ๑๕๕๗๑๓ ให้แก่จำเลยที่ ๑ เกิดจากการที่โจทก์มีส่วนประมาทเลินเล่ออยู่ด้วย ลำพังการที่โจทก์เพิ่งไปขอออกใบแทนโฉนดที่ดินภายหลังจากให้จำเลยที่ ๑ ยืมโฉนดที่ดินไปนาน ๒ ถึง ๓ เดือนยังถือไม่ได้ว่าโจทก์มีส่วนประมาทเลินเล่อและใช้สิทธิฟ้องคดีนี้โดยไม่สุจริต การจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองดังกล่าวเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
               มาตรา ๗๑๗ แม้ว่าทรัพย์สินซึ่งจำนองจะแบ่งออกเป็นหลายส่วนก็ตาม ท่านว่าจำนองก็ยังคงครอบไปถึงส่วนเหล่านั้นหมดทุกส่วนด้วยกันอยู่นั่นเอง
               ถึงกระนั้นก็ดี ถ้าผู้รับจำนองยินยอมด้วย ท่านว่าจะโอนทรัพย์สินส่วนหนึ่งส่วนใดไปปลอดจากจำนองก็ให้ทำได้ แต่ความยินยอมดังว่านี้หากมิได้จดทะเบียน ท่านว่าจะยกเอาขึ้นเป็นข้อต่อสู้แก่บุคคลภายนอกหาได้ไม่