คำพิพากษาฎีกาที่ ๕๘๓/๒๕๖๒
โจทก์กับจำเลยพิพาทกันเกี่ยวกับสัญญาหุ้นส่วนและบริษัทที่ทั้งสองฝ่ายถือหุ้นร่วมกันมีหนี้สินล้นพ้นตัวและอยู่ในระหว่างการฟื้นฟูกิจการ
ตามข้อตกลงในสัญญากู้ยืมเงินดังกล่าวที่ระบุว่าจำเลยผู้กู้จะชำระเงินที่กู้ยืมทั้งหมดคืนเมื่อได้รับส่วนแบ่งจากการขายโครงการ
ก็มิได้ระบุว่าการก่อสร้างโครงการเสร็จเมื่อใดและจำเลยจะได้รับส่วนแบ่งจากการขายโครงการเมื่อใด
และข้อเท็จจริงปรากฏว่าโครงการดังกล่าวไม่ได้อยู่ในระหว่างก่อสร้างดังที่จำเลยให้การต่อสู้คดี
แต่ได้หยุดการก่อสร้างแล้ว กรณีจึงไม่มีระยะเวลาชำระหนี้ที่กำหนดลงไว้แน่นอน
ทั้งจะอนุมานจากพฤติการณ์ทั้งปวงก็ไม่ได้ว่าเมื่อใดจะมีการก่อสร้างโครงการแล้วเสร็จ
และจำเลยจะได้รับส่วนแบ่งจากการขายโครงการเพียงพอที่จะชำระเงินที่กู้ยืมทั้งหมดคืนแก่
โจทก์ได้เพราะเป็นเหตุการณ์ในอนาคตที่ยากจะมองเห็นผลสำเร็จได้ว่าต้องใช้เวลานานเพียงใด
ดังนั้น การชำระเงินกู้ยืมคืนตามข้อตกลงดังกล่าวจึงถือได้ว่าไม่ได้กำหนดเวลาอันจะพึงชำระหนี้กันไว้แน่นอน
เจ้าหนี้ย่อมเรียกให้ชำระหนี้ได้โดยพลัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๐๓
วรรคหนึ่ง การที่โจทก์นำคดีมาฟ้องขอให้จำเลยชำระหนี้ถือว่าเป็นการบอกกล่าวทวงถามให้จำเลยชำระหนี้เงินกู้ยืมอยู่ในตัวแล้ว
โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
เพิ่มเติม
ฎีกาที่
๘๘๑๑/๒๕๕๖ สัญญากู้เงินระหว่างโจทก์กับ ส. ไม่ได้กำหนดเวลาชำระต้นเงินคืนไว้
โจทก์ย่อมเรียกให้จำเลยชำระหนี้ได้โดยพลันตาม ป.พ.พ. มาตรา ๒๐๓ วรรคหนึ่ง
และถือเป็นเวลาที่ผู้ให้กู้อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้
อายุความจึงเริ่มนับแต่วันถัดจากวันทำสัญญากู้เงิน
ฎีกาที่
๖๒๒๘/๒๕๕๐ จำเลยทำสัญญากู้เงินจากโจทก์โดยมีข้อตกลงในสัญญาระบุว่า ข้อ ๑ ผู้กู้ตกลงกู้และผู้ให้กู้ตกลงให้กู้เงินจำนวนทั้งสิ้น
๑๖๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งแสนหกหมื่นบาทถ้วน) และในวันนี้ผู้กู้ได้รับเงินสดจำนวนดังกล่าวไว้เรียบร้อยแล้ว
ข้อ ๒ ผู้กู้ตกลงส่งมอบเงินกู้ตามสัญญาในข้อ ๑ โดยไม่มีดอกเบี้ยให้ผู้ให้กู้ภายในระยะเวลาที่ผู้กู้ได้ขายที่ดินอัน
เป็นทรัพย์มรดกเฉพาะส่วนของผู้กู้ในที่ดินโฉนดเลขที่ ๕๐๒๗ ระวางที่ เลขที่ดิน ๒๓๙ หน้าสำรวจที่
๙๔๓ ตำบลบางแค (บางเชือกหนังฝังใต้) อำเภอภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร ตามจำนวนที่ดินที่แบ่งแยกโดยประมาณ
๔ ไร่ เรียบร้อยแล้ว” แสดงว่าหนี้ตามสัญญากู้เงินได้เกิดขึ้นแล้วตามสัญญาข้อ ๑ ส่วนสัญญาข้อ
๒ เป็นข้อตกลง เกี่ยวกับกำหนดเวลาชำระหนี้อันเป็นเงื่อนเวลาเริ่มต้นตาม ป.พ.พ.
มาตรา ๑๙๑ วรรคหนึ่ง แต่การกำหนดเวลาชำระหนี้ตามที่ระบุไว้ในสัญญาข้อ ๒ ดังกล่าว
ไม่เป็นการแน่ชัด ว่าเมื่อมีการแบ่งแยกที่ดินเสร็จสิ้นแล้วจำเลยจะสามารถขายที่ดินได้หรือไม่
หรือจะขายที่ดินนั้นได้เมื่อใด
เพราะเป็นเหตุการณ์ในอนาคตที่มิใช่ว่าจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่แท้ กำหนดเวลาชำระหนี้โดยการกำหนดเงื่อนไขไว้เช่นนี้จึงไม่แน่นอน
ผลเท่ากับเป็นหนี้ที่มิได้กำหนดเวลาชำระหนี้ ซึ่งเจ้าหนี้ย่อมเรียกให้ชำระหนี้ได้โดยพลันตาม
ป.พ.พ. มาตรา ๒๐๓ วรรคหนึ่ง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๒๐๓
ถ้าเวลาอันจะพึงชำระหนี้นั้นมิได้กำหนดลงไว้ หรือจะอนุมานจากพฤติการณ์ทั้งปวงก็ไม่ได้ไซร้
ท่านว่าเจ้าหนี้ย่อมจะเรียกให้ชำระหนี้ได้โดยพลัน และฝ่ายลูกหนี้ก็ย่อมจะชำระหนี้ของตนได้โดยพลันดุจกัน
ถ้าได้กำหนดเวลาไว้
แต่หากกรณีเป็นที่สงสัย ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเจ้าหนี้จะเรียกให้ชำระหนี้ก่อนถึงเวลานั้นหาได้ไม่
แต่ฝ่ายลูกหนี้จะชำระหนี้ก่อนกำหนดนั้นก็ได้
0 Comments
แสดงความคิดเห็น